จากกรณีนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ในการสืบสวนขยายผลเอาผิดขบวนการยักยอกไอซ์กว่า 200 กิโลกรัม เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา
สืบเนื่องจากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2562 เจ้าพนักงานตำรวจภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ก. พล.ต.ต.ดุษฎี ชูสังกิจ รอง ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส เจ้าพนักงานตำรวจ สภ.สุไหงโก-ลก พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ทหาร นำโดย พล.ต.สมดุลย์ เอี่ยมเอก ผบ.ฉก.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ ทหาร ฉก.นธ 30 และเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองอำเภอสุไหงโก-ลก เจ้าพนักงานตำรวจได้บูรณาการกำลังสามฝ่าย รวมกันตั้งจุดตรวจจุดสกัด บริเวณแยกกอไผ่ ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
ขณะที่กำลังตั้งจุดตรวจจดสกัดอยู่นั้น ได้มี รถยนต์เก่ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ สีบรอนซ์ทองหมายเลขทะเบียน ขก7989 สุราษฎร์ธานี ตรวจสอบเบื้องต้นมีผู้ขับขี่เพียงผู้เดียว ขณะที่รถต้องสงสัยเร่งเครื่องและขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ต.อ.โกเมศ ชอบแต่ง และ ส.ต.อ.ทรงวิชต์ แก้วมณี เป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์ล้มลง ได้รับบาดเจ็บ
จากนั้นรถต้องสงสัยก็ได้ขับหลบหนีไปทางหมู่บ้านการเคหะ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ติดตามไปอย่างกระชันชิด จนไปถึงทางตันปากทางเข้าหมู่บ้านการเคหะ คนร้ายได้ทิ้งรถไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการตรวจค้นรถ คันที่คนร้ายได้จอดทิ้งไว้
จากการตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ไอซ์) ชนิดเกล็ดสีขาว บรรจุอยู่ในถุงขาเขียว จำนวน 90 ถุง ถุงละประมาณ 6 กิโลกรัม รวมทั้งสิ้น 90 กิโลกรัม โดยแบ่งบรรจุอยู่ในกระสอบปุ๋ย จำนวน 5 กระสอบ ซึ่งซุกซ่อนอยู่บริเวณด้านหลังคนขับจำนวน 9 กระสอบ และซุกซ่อนอยู่ท้ายรถจำนวน 5 กระสอบ เหตุเกิดที่ บริเวณถนนปากทางเข้าหมู่บ้านการเคหะ หมู่ที่ 9 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ล จ.นราธิวาส เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น.
ทั้งนี้จากการสืบสวนขยายผลทราบว่าชายผู้ที่ขับรถยนต์คันดังกล่าว คือนายสุกรี กรียามาน อายุ 37 ปี ที่อยู่ 43/73 หมู่ที่ 6 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยเมื่อวันอังคาร(7 มกราคม)ว่า จากเรื่องดังกล่าวทราบว่ามีการนำเอายาเสพติดจากการจับกุมที่ สภ.สุไหงโก-ลก มาจำหน่ายคือยักยอกของกลาง ในเรื่องนี้หลังจากที่ถูกจับกุมตัวแล้วทางสถานีตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ได้มีการสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกจับกุมด้วย ขณะเดียวกันก็สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกเรื่องหนึ่ง จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมให้การซัดทอดว่าใครเกี่ยวข้องบ้าง ได้ดำเนินการหลังจากที่ถูกจับกุมตัวดำเนินคดีและขณะนี้เราดูจากบันทึกจับกุมเราดูจากคำให้การจากคำซัดทอดของ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกจับกุมตัว ที่สภ. หาดใหญ่ ซึ่งมีเรื่องต้องพิจารณาอยู่หลายเรื่องหลายองค์ประกอบ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนาย
แต่ขณะเดียวกันในทางคดีก็จะเป็นเรื่องของตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ซึ่งต้องดำเนินการเพราะต้องรอดูว่าผลคดีหรือมีการออกหมายจับคนที่เกี่ยวข้องใครบ้าง แต่ในทางวินัยเราได้ดำเนินการเสนอไปยัง ตร.เพื่อให้ออกจากราชการไว้ก่อนซึ่งตอนนี้รอหนังสือจาก ตร.ส่งมาให้ว่าได้สั่งให้ออกได้หรือไม่อย่างไร
ซึ่งในส่วนของคดีไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากว่าคดีนี้ว่าไปตามพยานหลักฐานว่าไปตามกฎหมายอยู่แล้ว ไม่มีใครมานั่งช่วยเหลือเรื่องแบบนี้ ขณะเดียวกันทางวินัยถ้าหากมีการเกี่ยวข้องรับรองว่าจะมีการทำโทษไม่ไหวและไม่ช่วยเหลือใครทั้งสิ้น เนื่องจากว่าบุคคลเหล่านี้สร้างเงื่อนไขในพื้นที่แล้วก็ไม่มีผู้บังคับบัญชาท่านไหนที่จะเข้าไปช่วยเหลือให้รอดพ้นจากความผิดได้เลย
แต่ในการพิจารณาเราต้องให้รอบคอบ เนื่องจากว่ามันเป็นคำซัดทอดของผู้ต้องหาดังนั้นในเรื่องของคดีในเรื่องของวินัยก็ดี มันจะต้องสอดคล้องกันไปทั้งหมดซึ่งตัวผมเข้าใจเราได้พยานหลักฐานที่ชัดเจนถ้าหากได้พยานหลักฐานที่ชัดเจนเมื่อไหร่เราดำเนินการทันที
ข่าว/ซาการียา ดอเลาะ จ.นราธิวาส