มูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ ประกาศเมื่อวันพุธ (15 เมษายน ) ว่าได้บริจาคเงินเพิ่มอีก 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากที่เพิ่งบริจาคไป 100 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อช่วยเร่งการพัฒนาวิธีการรักษาและวัคซีนป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคาร (14) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้ประกาศระงับการให้เงินสนับสนุนองค์การอนามัยโลก หรือ WHO วงเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ โดยกล่าวหาว่า WHO เป็นหน่วยงานในสังกัดขององค์การสหประชาชาติ ที่ประสบความล้มเหลวในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด19
ทรัมป์กล่าวหาว่า WHO ไม่เคยให้คำแนะนำที่ถูกต้องในการรับมือกับการแพร่ระบาด อีกทั้งยังเชื่อข้อมูลจากจีนมากเกินไปจนทำให้เกิดความผิดพลาด ซ้ำยังไม่เห็นด้วยกับมาตรการของสหรัฐฯ ทั้งๆ ที่สหรัฐฯเป็นผู้บริจาคอันดับ 1 ของ WHO
ด้านนายบิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ป และเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง มูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ โดยเขาและภรรยาเป็นประธานมูลนิธิร่วมกัน ได้ออกมาปกป้อง WHO โดยระบุว่า การตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่สั่งระงับการจ่ายเงินสนับสนุนให้กับ WHO ในช่วงที่ยังคงมีการแพร่ระบาดของโควิด19 นับเป็นเรื่องที่อันตราย และเหลวไหล เนื่องจากโลกกำลังเผชิญกับวิกฤติด้านสาธารณสุขที่เกิดจากการระบาดของโควิด19 และต้องการการร่วมแรงร่วมใจกันทั่วทั้งโลก
“การระงับเงินสนับสนุน WHO ในช่วงเวลาที่กำลังเกิดวิกฤติเช่นนี้ ถือเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ความพยายามของ WHOได้ช่วยชะลอการแพร่ระบาดของโควิด19 และหาก WHO ต้องหยุดดำเนินงาน ก็จะไม่มีองค์กรใดมาทดแทนได้” เกตส์โพสต์ข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ส่วนตัว
ทั้งนี้มูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ เป็นผู้ให้เงินสนับสนุน WHO มากเป็นอันดับ 2 รองจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา