สหภาพยุโรปจะเริ่มทำสัญญาก่อสร้าง 5.8 ล้านยูโร (6.63 ล้านเหรียญสหรัฐ) กับรัฐบาลปาเลสไตน์ใน ‘Area C’ ของเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครอง ตามคำแถลงของสำนักงานผู้แทนสหภาพยุโรปในเวสต์แบงก์ และฉนวนกาซา
MEMO รายงานว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ 5 ในการสนับสนุนเงินทุนสำหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมและสาธารณะ 16 โครงการซึ่งจะได้ประโยชน์ต่อประชาชนชาวปาเลสไตน์มากกว่า 24,000 คนที่อาศัยอยู่ในโซน C
โครงการเหล่านี้รวมถึงอาคารโรงเรียนอเนกประสงค์ เครือข่ายการจ่ายน้ำ แหล่งเก็บน้ำ และการฟื้นฟูสมรรถภาพของเครือข่ายไฟฟ้า
พื้นที่ C ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 76 ของเวสต์แบงก์ที่ถูกอิสราเอลยึดครอง แม้พื้นที่แห่งนี้จะเป็นดินแดนของปาเลสไตน์ตามสนธิสัญญาออสโล แต่ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่แห่งนี้มักถูกคุกคามจากอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง
ระบอบการวางแผนที่เข้มงวดที่ใช้โดยหน่วยงานอิสราเอลผู้ยึดครองทำให้แทบเป็นไปไม่ได้ที่ชาวปาเลสไตน์จะได้รับใบอนุญาตก่อสร้างในเขต C ส่งผลต่อการขัดขวางการพัฒนาที่อยู่อาศัยโครงสร้างพื้นฐาน และการดำรงชีวิตที่เพียงพอ ทั้งยังบังคับไล่รื้อถอนบ้าน และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ของชาวปาเลสไตน์ด้วย
จากข้อมูลของ B’Tselem องค์กร NGO อิสราเอล ชี้ว่าทางการอิสราเอลได้ทำลายที่อยู่อาศัยของปาเลสไตน์อย่างน้อย 1,342 แห่งในเวสต์แบงก์ระหว่างปี 2549 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2561 มีผู้เสียชีวิต 6,024 คนรวมถึงเด็กอย่างน้อย 3,040 คน
“สหภาพยุโรปเห็นว่าพื้นที่โซน C เป็นส่วนสำคัญของดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง ตำแหน่งนี้ถูกเปล่งออกมาเป็นเวลาหลายปี และได้รับการดำเนินการในโครงการต่างๆ เช่นเดียวกับที่เราเปิดตัวในวันนี้ มันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของชาวปาเลสไตน์ทุกคนในดินแดนปาเลสไตน์ เพื่อเข้าถึงบริการสังคม และโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจเช่นน้ำ, ไฟฟ้า, ถนน, โรงเรียน และคลินิก “Sven Kuhn von Burgsdorff กล่าวในพิธีลงนามที่จัดขึ้นใน Ramallah .
นอกจากนี้ผู้แทนประเทศเดนมาร์ก Nathalia Feinberg ยังกล่าวอีกว่า“ การสนับสนุนจากรัฐบาลเดนมาร์กนั้นได้รับการถ่ายทอดผ่านโครงการพัฒนาเขต C ของสหภาพยุโรปในฝั่งตะวันตก ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปและสหภาพยุโรปให้การสนับสนุนการแทรกแซงการพัฒนาในพื้นที่ C ริเริ่มและส่งเสริมโดยกระทรวงปาเลสไตน์ของรัฐบาลท้องถิ่นตามความมุ่งมั่นของสหภาพยุโรปต่อการบรรลุการแก้ปัญหาทั้งสองรัฐ”