มัสยิดหลังแรกในเมืองหลวงของกรีกเปิดให้บริการหลังความล่าช้าของระบบราชการยาวนานถึง 14 ปีรายงานจากสื่อท้องถิ่น
อัลญะซีเราะห์รายงานว่ามัสยิดแห่งแรกในเมืองหลวงของกรีกเปิดให้บริการหลังจาก 14 ปีแห่งการขัดแย้ง และความล่าช้าของระบบราชการตามรายงานของสื่อท้องถิ่น
การละหมาดครั้งแรกของมัสยิดจัดขึ้นในเย็นวันจันทร์ภายใต้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมเนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในกรีซเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับในยุโรปส่วนใหญ่ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมละหมาดได้
ด้วยการเปิดตัวเอเธนส์ก็ทำให้สถานะการเป็นเมืองหลวงของสหภาพยุโรปเพียงแห่งเดียวที่ไม่มีมัสยิดถูกลบออกไป ตามรายงานของสำนักข่าว Anadolu Agency
อิหม่ามคนแรกของมัสยิดคือซากี โมฮัมเหม็ดอายุ 49 ปีชาวกรีกซึ่งมีต้นกำเนิดจากโมร็อกโก ตามรายงานของ Greek daily Ekathimerini
การเปิดมัสยิดถือเป็นการ “ส่งข้อความที่ชัดเจน…ถึงประชาธิปไตย เสรีภาพทางศาสนา และความเคารพ” Giorgos Kalantzis รัฐมนตรีกิจการศาสนากล่าวตามรายงานของ Greek daily Ekathimerini
การคัดค้านจากคริสตจักรกรีกออร์โธด็อกซ์ทำให้การเปิดมัสยิดล่าช้าไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 และต้องใช้เวลาหลายปีแม้หลังจากที่รัฐบาลให้อนุมัติการเดินหน้าก่อสร้างตั้งแต่ปี 2549
การตัดสินใจสร้างมัสยิดในปี 2549 ด้วยงบประมาณ 1.04 ล้านดอลลาร์ถูกจัดขึ้นโดยอุปสรรคของระบบราชการ การประท้วงโดยกลุ่มขวาจัดและความท้าทายทางกฎหมาย
ชาวกรีกส่วนใหญ่ 97 เปอร์เซ็นต์นับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์
อย่างไรก็ตามมีชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมกระจุกตัวอยู่ตามแนวชายแดนติดกับตุรกีและมีแรงงานมุสลิมและผู้ลี้ภัยหลายหมื่นคนอาศัยอยู่ในกรีซ
ตุรกีได้ประกาศว่าชาวกรีกละเมิดสิทธิของชนกลุ่มน้อยที่เป็นมุสลิมและเชื้อสายตุรกีมานาน โดยอ้างอิงถึงปัญหาการปิดมัสยิดไปจนถึงการปล่อยให้มัสยิดในประวัติศาสตร์ตกอยู่ในสภาพทรุดโทรม
มาตรการเหล่านี้ละเมิดสนธิสัญญาโลซานปี 1923 รวมทั้งคำตัดสินของศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป (ECHR) เจ้าหน้าที่ตุรกีกล่าว
