การบุกโจมตีมัสยิดสำคัญอันดับสามของศาสนาอิสลาม และรอบ ๆ เยรูซาเล็มตะวันออกดินแดนที่ถูกยึดครอง ซึ่งส่งผลให้ชาวปาเลสไตน์ 205 คนได้รับบาดเจ็บ ความรุนแรงล่าสุดเกิดขึ้นท่ามกลางความโกรธแค้นหลังอิสราเอลออกคำสั่งขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากบ้านพักของพวกเขาในย่าน Sheikh Jarrah
TRT World รายงานว่า กองกำลังอิสราเอลกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการปราบปรามการประท้วงที่จะเกิดมากขึ้นหลังจากการโจมตีผู้คนที่มาละหมาดในบริเวณมัสยิด “อัล-อักซอ” ในเยรูซาเล็ม ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 200 คนโดยมีชาติมหาอำนาจในระดับภูมิภาคและระดับโลกได้เรียกร้องให้อยู่สงบ หรือประณามอิสราเอลในปฎิบัติการโจมตีผู้ที่มาละหมาด
การเรียกร้องให้มีการเดินขบวนในวันเสาร์ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับชาวปาเลสไตน์ ชาวเยรูซาเล็ม มาจากกลุ่มผู้สนับสนุนชาวอาหรับอิสราเอลซึ่งคิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ของประชากรอิสราเอลทั้งประเทศ ซึ่งมีคณะกรรมการติดตามระดับสูงสำหรับชาวอาหรับในอิสราเอลเป็นแกนนำ
ชาวอิสราเอลเชื้อสายปาเลสไตน์ได้เดินทางด้วยรถบัสอย่างน้อย 6 คันเพื่อแสดงการสนับสนุนชาวมุสลิมที่ร่วมละหมาดที่มัสยิดอัล-อักซอ แต่ถูกกันไม่ให้เข้าใกล้หมู่บ้าน Abu Ghish
หลังจากที่พวกเขาลงจากรถ และเริ่มเดินไปในระยะทาง 20 กม. ที่เหลือเพื่อไปยังสถานที่นั้น ชาวบ้านในท้องถิ่นก็มารับพวกเขาด้วยรถยนต์ส่วนตัว
ในเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นหลังจากการละหมาดของชาวมุสลิมเมื่อวันศุกร์ เมื่อตำรวจปราบจลาจลของอิสราเอลได้ยิงกระสุนยาง แก๊สน้ำตา และระเบิดขว้างใส่ชาวปาเลสไตน์ ซึ่งตอบโต้ด้วยหิน ขวด และดอกไม้ไฟ ณ มัสยิดสำคัญอันดับสามของศาสนาอิสลามซึ่งชาวยิวอ้างสิทธิ์ในสถานที่ดังกล่าวด้วย
สภาเสี้ยววงเดือนแดงของปาเลสไตน์รายงานว่ามีชาวปาเลสไตน์ 205 คนได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีที่ อัล-อักซอ และในเยรูซาเล็มตะวันออกที่ถูกยึดครอง
ตำรวจอิสราเอลกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ 17 นายได้รับบาดเจ็บ
ภาพวิดีโอแสดงให้เห็นกองกำลังอิสราเอลบุกเข้าโจมตีลานกว้างของบริเวณมัสยิด โดยยิงระเบิดเสียงเข้าใส่ภายในอาคารซึ่งมีผู้ละหมาดอยู่ภายในรวมทั้งผู้หญิง และเด็กจำนวนมากกำลังละหมาดในวันศุกร์สุดท้ายของเดือนรอมฎอนอันประเสริฐของชาวมุสลิม
การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเนื่องจากอิสราเอลกำหนดข้อจำกัดมากขึ้นในการเข้าถึงบางส่วนของเมืองเก่าในช่วงรอมฎอน และการขู่ขับไล่ครอบครัวชาวปาเลสไตน์สี่ครอบครัวในเยรูซาเล็มตะวันออกที่ถูกยึดครองเพื่อหลีกทางให้กับผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวอย่างผิดกฎหมาย
อาหรับนิวส์รายงานว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีของอิสราเอลอย่างน้อย 3 คน
บีบีซี รายงานการโจมตีระรอกล่าสุดของตำรวจอิสราเอลต่อชาวปาเลสไตน์ที่ติดต่อกันเป็นคืนที่สองที่ประตูดามัสกัสในย่านเมืองเก่าของนครเยรูเซเลมเมื่อวันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม โดยผู้ประท้วงขว้างปาก้อนหิน และจุไฟ ตอบโต้ตำรวจอิสราเอลที่โจมตีชาวปาเลสไตน์ด้วยระเบิดแฟลช และฉีดน้ำแรงดันสูง
สภาเสี้ยววงเดือนแดงปาเลสไตน์ระบุว่า ชาวปาเลสไตน์ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 90 คน ถูกนำส่งโรงพยาบาล 14 คน ขณะที่ตำรวจอิสราเอลระบุว่า เจ้าหน้าที่บาดเจ็บอย่างน้อย 1 นาย นอกจากนี้ ตำรวจอิสราเอลหยุดรถประจำทางที่พาชาวปาเลสไตน์มาละหมาดที่มัสยิดอัล-อักซอ และจับกุมชาวปาเลสไตน์บางส่วนหลังการปะทะตั้งแต่วันศุกร์
ด้านปฎิกริยาของชาติมหาอำนาจ
สหรัฐอเมริกา
สหรัฐฯซึ่งเป็นพันธมิตรที่แข็งกร้าวของอิสราเอล ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯกล่าวว่า “กังวลอย่างยิ่ง” กับเหตุการณ์ดังกล่าวและเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่าย “หลีกเลี่ยงขั้นตอนที่ทำให้ความตึงเครียดรุนแรงขึ้นหรือทำให้เราห่างไกลจากความสงบ”
“ซึ่งรวมถึงการขับไล่ในเยรูซาเล็มตะวันออก, การตั้งถิ่นฐาน, การรื้อถอนบ้าน และการก่อการร้าย” กระทรวงการต่างประเทศกล่าว
แต่ทว่าสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของไบเดน ยังคงยืนยันการย้ายสถานทูตอิสราเอลไปอยู่ในเยรูซาเล็มตะวันออกตามนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ แม้จะเป็นการดำเนินการที่ขัดต่อข้อตกลงระหว่างประเทศ
สหภาพยุโรป
สหภาพยุโรปเรียกร้อง “ดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อยุติความตึงเครียดในกรุงเยรูซาเล็ม” โดยกล่าวว่า “ความรุนแรงและการยั่วยุเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้และผู้กระทำผิดในทุกด้านจะต้องรับผิดชอบ”
โฆษกของสหภาพยุโรปกล่าวในแถลงการณ์ว่า “ต้องหลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุรอบ Temple Mount / ฮารอมอัลชารีฟ และต้องเคารพสถานะที่เป็นอยู่” โดยเลี่ยงไปใช้คำอื่นในการเรียกมัสยิด อัล-อักซอ ของชาวมุสลิมแทน
ปาเลสไตน์
มะห์มูด อับบาสประธานาธิบดีปาเลสไตน์กล่าวว่ารัฐบาลอิสราเอลต้อง “รับผิดชอบ” ต่อเหตุการณ์ความไม่สงบ และประกาศ “สนับสนุนอย่างเต็มที่สำหรับวีรบุรุษของเราในอัล อักซอ”
จอร์แดน
จอร์แดนประณาม “การโจมตีที่ป่าเถื่อน” ของอิสราเอลในกรุงเยรูซาเล็มโดยเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศหยุด “ความรุนแรง และการละเมิด” ที่มัสยิดอัล-อักซอ
ชาติอาหรับ
อิยิปต์, ตุรกี, กาตาร์ และบาห์เรน ได้ประณาม ความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของกองกำลังอิสราเอล
กระทรวงการต่างประเทศของซาอุดีอาระเบียกล่าวในแถลงการณ์ว่าราชอาณาจักร “ปฏิเสธแผน และมาตรการของอิสราเอลในการขับไล่ชาวปาเลสไตน์หลายสิบคนออกจากบ้านในเยรูซาเล็ม และกำหนดอธิปไตยของอิสราเอลขึ้นเหนือดินแดนพวกเขา”
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ “ประณามอย่างรุนแรง” ต่อการปะทะและการขับไล่ที่อาจเกิดขึ้น และคำแถลงของคอลิฟา อัล-มาราร์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เรียกร้องให้ทางการอิสราเอลลดความตึงเครียดลง
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ทางการอิสราเอลต้องรับผิดชอบตามกฎหมายระหว่างประเทศในการให้ความคุ้มครองพลเมืองชาวปาเลสไตน์ ตามแถลงการณ์ของสำนักข่าวของรัฐ WAM
Wasfi Kailani ผู้อำนวยการบริหารของ Hashemite Fund เพื่อการบูรณะมัสยิดอัล-อักซอกล่าวกับ Arab News ว่าไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ สำหรับการกระทำของอิสราเอล
“สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนวันศุกร์เป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ การโจมตีมัสยิดในช่วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอนอันประเสริฐถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย และเป็นการละเมิดสิทธิในการละหมาดอย่างชัดเจน สภาพที่เป็นอยู่จะต้องได้รับการปกป้อง”
Kailani สมาชิกสภาเยรูซาเล็ม Waqf กล่าวว่ากองกำลังอิสราเอลไม่เพียง แต่ละเมิดความสงบสุขของผู้ละหมาดเท่านั้น แต่ยังทำลายทรัพย์สินของมัสยิดรวมถึงคลินิกและประตูต่างๆด้วย
Hijazi Risheq หัวหน้าคณะกรรมการการค้าเยรูซาเล็มกล่าวกับ Arab News ว่าการโจมตีโดยกองกำลังของอิสราเอลมีขึ้นเพื่อข่มขู่ชาวปาเลสไตน์หลังจากการคุกคามของกลุ่มหัวรุนแรงชาวยิวที่แทรกซึมเข้าไปในอัล-อักซอครั้งใหญ่ ในวันที่พวกเขาเรียกว่าวันเยรูซาเล็ม
“อย่างไรก็ตามชาวเยรูซาเล็มได้ทำลายกำแพงแห่งความกลัว และไม่กลัวทหารอิสราเอลหรือเรือนจำของอิสราเอลอีกต่อไป” เขากล่าว
Risheq ยังเรียกร้องให้ประเทศอาหรับและอิสลามช่วยชาวปาเลสไตน์ปกป้องมัสยิด