ภูมิภาคตะวันออกกลางกำลังเผชิญกับความหนาวเย็นใน 3 พื้นที่ของสัปดาห์นี้ และอุณหภูมิลดลงต่ำกว่าศูนย์องศาเซลเซียส ชาวซีเรียที่พลัดถิ่นหลายพันคนจะต้องต่อสู้เพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น
rescue.org ระบุว่าทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย ที่อาศัยของผู้พลัดถิ่น 2.8 ล้านคนยังคงต้องพลัดถิ่นจากความขัดแย้ง โดยบางคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนมากถึง 25 ครั้ง ผู้พลัดถิ่น 1.7 ล้านคนราวร้อยละ 80 เป็นผู้หญิงและเด็ก อาศัยอยู่ในค่ายนอกระบบที่แออัดยัดเยียด และอาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จ
ในสัปดาห์นี้ อุณหภูมิจะติดลบ 5 องศาเซลเซียสในตอนกลางคืน อากาศที่หนาวเย็น ฝนตกหนัก และหิมะตก คุกคามผู้ที่อาศัยอยู่ในเต็นท์ชั่วคราวและสภาพที่อยู่อาศัยที่ย่ำแย่ยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อความรุนแรงยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิต และการต่อสู้กับสภาพอากาศที่รุนแรง และมาพร้อมกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้เกิดวิกฤตครั้งใหญ่ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย
ในขณะที่การตอบสนองด้านมนุษยธรรมพยายามดิ้นรนเพื่อขยายขนาดเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นซึ่งมาพร้อมกับสภาพอากาศที่หนาวจัด ความท้าทายเหล่านี้จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีก
จากข้อมูลในเดือนตุลาคมปีที่แล้วแสดงให้เห็นว่ามีเพียง 61% ของที่พักพิงในค่ายผู้พลัดถิ่น 680 แห่งในเมือง Idleb และ Aleppo ไม่มีหลังคา และถูกคลุมด้วยผ้าปูที่นอนเพื่อป้องกันจากสภาพอากาศเท่านั้น 85% ของหลังคาต้องการฉนวนกันน้ำเนื่องจากเริ่มรั่วในเวลาฝนตก
นอกจากนี้ เต็นท์มากกว่า 91,000 เต็นท์ไม่มีฉนวนกันความร้อน โดย 42,000 เต็นท์ได้รับความเสียหาย และจำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่
ในข้อมูลอื่นที่ครอบคลุมปีที่แล้วและกล่าวถึงค่ายทั้งหมดในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ พบข้อมูลเกิดเหตุไฟไหม้ 157 ครั้ง และเต็นท์ 302 แห่งได้รับความเสียหาย ค่ายพักแรม 611 แห่งได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ทำลายเต็นท์กว่า 3,000 หลัง และกระทบกระเทือนผู้คนกว่า 248,000 คน
Mohannad วัย 24 ปี ซึ่งต้องพลัดถิ่นพร้อมกับภรรยาและลูกสองคนเดินทางมายังค่ายแห่งหนึ่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย กล่าวว่า “เนื่องจากพายุหิมะ เต็นท์ที่ผมและครอบครัวพักอยู่จึงพังยับเยิน และทรัพย์สินของเราได้รับความเสียหาย เราขาดสิ่งจำเป็นทุกอย่างของชีวิตตั้งแต่ที่พักพิงที่เหมาะสมไปจนถึงแหล่งความร้อน และอาหาร อากาศหนาวเย็น และเราจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน”
วิกฤตเศรษฐกิจส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์ซีเรียอ่อนค่าลง และอัตราแลกเปลี่ยนที่ลดลงอย่างมาก ประกอบกับความยากลำบากของชาวซีเรียในภาคเหนือของประเทศ ทำให้เป็นเรื่องยากมากสำหรับ การหาเงินเพื่อซื้อสิ่งของพื้นฐานเช่นท่อนซุง และเชื้อเพลิงเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น
เงินปอนด์ซีเรียแตะระดับ 3,500 SYP/USD โดยประมาณในช่วงสองสามเดือนสุดท้ายของปี 2564 และราคาของสินค้าโภคภัณฑ์พื้นฐานก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น ราคาขนมปังเพิ่มขึ้น 32% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนของปีเดียวกัน
ครึ่งหนึ่งของประชากรสูญเสียแหล่งรายได้อย่างน้อยหนึ่งแหล่งเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และการระบาดใหญ่ จำนวนชาวซีเรียที่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือด้านอาหารเพื่อความอยู่รอดได้เพิ่มขึ้นสองเท่าระหว่างปี 2563 และ 2564 เป็น 1.3 ล้านคน
