กองกำลังอิสราเอลบุกเข้าไปในบริเวณมัสยิดอัล-อักซอ ในกรุงเยรูซาเลมตะวันออกที่ถูกยึดครอง โดยหน่วยแพทย์รายงานว่ามีชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 158 คนได้รับบาดเจ็บจากความรุนแรงที่เกิดขึ้น ขณะที่หลายร้อยคนถูกทหารอิสราเอลจับตัวไป
อัล-ญะซีเราะห์รายงานว่า กองทุนอิสลามที่ดำเนินการในพื้นที่กล่าวว่าตำรวจอิสราเอลใช้กำลังบุกเข้ามาในพื้นที่ก่อนรุ่งสางในวันศุกร์โดยมีชาวปาเลสไตน์หลายพันคนมาร่วมละหมาดซุบฮิที่มัสยิด
วิดีโอที่เผยแพร่ทางออนไลน์แสดงให้เห็นว่าชาวปาเลสไตน์กำลังขว้างก้อนหินเพื่อตอบโต้ความรุนแรงที่จากตำรวจอิสราเอลที่ยิงแก๊สน้ำตา และระเบิดแสง วิดีโอยังแสดงให้เห็นผู้ที่มาละหมาดเข้าไปหลบในมัสยิดพร้อมสร้างเครื่องกีดขวางการโจมตีของอิสราเอล ท่ามกลางกลุ่มเมฆควันจากก๊าซน้ำตา
เป็นความรุนแรงที่ร้ายแรงที่สุดในมัสยิดอัล-อักซอในรอบเกือบปี ชาวปาเลสไตน์ชี้ว่าการวางกำลังตำรวจจำนวนมากที่อัล-อักซอเป็นการยั่วยุเพื่อให้เกิดความรุนแรงขึ้น
หน่วยฉุกเฉินสภาเสี้ยววงเดือนแดงปาเลสไตน์ ระบุว่า ได้อพยพผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่ส่งโรงพยาบาลแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมัสยิดคนหนึ่งถูกยิงเข้าที่ตาด้วยกระสุนเคลือบยาง
สภาเสี้ยววงเดือนแดงปาเลสไตน์เสริมว่า กองกำลังอิสราเอลขัดขวางการเข้าพื้นที่ของรถพยาบาลและหน่วยพยาบาลที่มัสยิด ขณะที่สื่อปาเลสไตน์กล่าวว่าผู้ละหมาดที่ได้รับบาดเจ็บหลายสิบคนยังคงติดอยู่ภายในมัสยิดท่ามกลางการปิดล้อมของอิสราเอล
ตำรวจอิสราเอลกล่าวว่าพวกเขาได้จับตัวชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 300 คนในระหว่างการบุกโจมตีครั้งล่าสุด อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวชาวปาเลสไตน์ระบุตัวเลขชาวปาเลสไตน์ที่ถูกจับไปมีราว 400 นาย ตำรวจ 3 นายได้รับบาดเจ็บจาก “การขว้างปาก้อนหิน” รายงานระบุ
ตำรวจอิสราเอลกล่าวว่าพวกเขาเข้าไปในบริเวณมัสยิด ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญอันดับสามในศาสนาอิสลาม และเป็นที่นับถือของชาวยิวในฐานะเทมเพิลเมาท์ ความรุนแรงเกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงท้ายของการละหมาดซุบฮิ
พวกเขาเข้าไป “เพื่อสลายการรวมตัว” หลังจากกลุ่มชาวปาเลสไตน์เริ่มขว้างก้อนหินไปทางพื้นที่สวดของชาวยิวในบริเวณใกล้เคียงของกำแพงตะวันตก
แต่ผู้สื่อข่าวชาวปาเลสไตน์ Rami al-Khatib ซึ่งเห็นเหตุการกล่าวว่า: ”พวกเขา [กองกำลังอิสราเอล] ใช้กำลังบุกโจมตีพื้นที่อย่างไร้ความปราณี พวกเขาโจมตีเจ้าหน้าที่ของมัสยิด โจมตีคนละหมาดไม่ว่าจะอาวุโส หรือวัยรุ่น
“มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก พวกเขายิงกระสุนยางในบริเวณมัสยิดอัล-อักซอ พวกเขาใช้กำลังทุบตีทุกคน แม้แต่หน่วยพยาบาล พวกเขาก็ตี” al-Khatib ผู้ประสบเหตุ และได้รับผลกระทบจากการโจมตีทำให้มือหัก กล่าว
ประเทศเพื่อนบ้านจอร์แดน ซึ่งมีหน้าที่ดูแลมัสยิดอัล-อักซอ และทางการปาเลสไตน์ได้ออกแถลงการณ์ร่วมประณามอิสราเอลว่า “การโจมตีที่อันตรายและสมควรถูกประณามในการคุกคาม จุดความรุนแรงต่อสถานการณ์” ขณะที่อียิปต์ และซาอุดิอาระเบียได้ประณาม “การโจมตีของอิสราเอล” ด้วย
ผู้คนหลายร้อยคนรวมตัวกันนอกมัสยิด Al-Kalouti ใกล้สถานทูตอิสราเอลในจอร์แดน เพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับชาวปาเลสไตน์และสนับสนุนมัสยิดอัล-อักซอ ผู้ชุมนุมร้องตะโกนสนับสนุนปาเลสไตน์ และฮามาส
Omer Barlev (โอเมอร์ บาร์เลฟ) รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของอิสราเอล ผู้ดูแลกองกำลังตำรวจ กล่าวว่า อิสราเอล “ไม่สนใจ” ต่อความรุนแรงในสถานที่สำคัญทางศาสนาอิสลาม แต่ตำรวจถูกบังคับให้เผชิญหน้ากับ “กลุ่มผู้ก่อความรุนแรง” ซึ่งโจมตีพวกเขาด้วยก้อนหิน และแท่งเหล็ก เขากล่าวว่าอิสราเอลมุ่งมั่นที่จะให้เสรีภาพในการทำอิบาดะห์สำหรับชาวยิว และชาวมุสลิมเหมือนกัน
มัสยิดถูกเปิดอีกครั้งในเวลาต่อมา และมีคนประมาณ 60,000 คนเข้าร่วมละหมาดวันศุกร์ในตอนเที่ยง ตามรายงานขององค์กร Waqf องค์กรการกุศลของอิสลามที่ดูแลพื้นที่
หลังจากการละหมาด ชาวปาเลสไตน์หลายพันคนเดินขบวนไปรอบๆ ลานกว้างและกล่าวคำคัญ “ด้วยจิตวิญญาณของเรา ด้วยเลือดของเรา เราเสียสละเพื่อคุณ อัล-อักซอ” นอกเหนือจากคำขวัญที่สนับสนุนกลุ่มฮามาส
รายงานจากประตูดามัสกัส Najwan al-Samri ของอัล-ญะซีเราะห์ กล่าวว่าตำรวจอิสราเอลบุกโจมตีบริเวณมัสยิดโดย และทำร้ายผู้มาละหมาดใกล้กับห้องละหมาด Qible หลังจากการละหมาดซุบฮิ
เธอเสริมว่า การเพิ่มความรุนแรงเกิดขึ้นเนื่องจากกลุ่มชาวยิวที่อยู่ทางขวาสุดเรียกร้องให้โจมตีบริเวณมัสยิดอัล-อักซอในช่วงวันหยุดเทศกาลปัสกาของชาวยิว และการเซ่นสังเวยสัตว์ในลาน ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นมาก่อนในอดีต
Natasha Ghoneim ของอัล-ญะซีเราะห์ กล่าวว่าชาวปาเลสไตน์ถือว่าการกระทำของอิสราเอลภายในบริเวณดังกล่าวเป็นการยั่วยุ
“ตำรวจอิสราเอลบุกเข้ามาในในมัสยิดอัล-อักซอ โดยมีผู้ชายนอนคว่ำหน้าอยู่บนพรม ได้ยินเสียงระเบิดแสง เห็นแก๊สน้ำตา เห็นชาวปาเลสไตน์ที่ได้รับบาดเจ็บถูกลากไปนอกบริเวณ … การกระทำดังกล่าวได้สร้างโกรธแค้นและทำให้ชาวปาเลสไตน์ไม่พอใจ” เธอกล่าว โดยพูดจากด้านนอกประตูดามัสกัส
Marwan Bishara นักวิเคราะห์การเมืองอาวุโสของอัล-ญะซีเราะห์ ตำหนิการกระทำของอิสราเอลว่า “ประชาคมระหว่างประเทศไม่แยแสต่อความทุกข์ทรมานของชาวปาเลสไตน์” ท่ามกลางวิกฤตในยูเครน และ “การไร้ผู้นำปาเลสไตน์” เป็นเหตุผลเบื้องหลังความรุนแรงล่าสุดในกรุงเยรูซาเลม
ประธานาธิบดีปาเลสไตน์กล่าวในแถลงการณ์ว่า การโจมตีมัสยิดอัล-อักซอโดยตำรวจอิสราเอลเป็น “การพัฒนาสถานการณ์ที่อันตราย” และเป็น “การประกาศสงคราม”
โดยเสริมว่าชาวปาเลสไตน์จะไม่อนุญาตให้กองกำลังยึดครองของอิสราเอลและผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวเข้ายึดพื้นที่สำคัญของชาวมุสลิม และเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศ “ยุติการรุกรานของอิสราเอล”
อิสมาอิล ฮานิเยห์ หัวหน้าสำนักการเมืองของกลุ่มฮามาสที่ปกครองฉนวนกาซา กล่าวว่าชาวปาเลสไตน์จะปกป้องมัสยิดอัล-อักซอ ในทุกวิถีทาง เขาเสริมว่าไม่มีที่สำหรับ “ผู้บุกรุก” ในเยรูซาเล็ม
กลุ่มฮามาสยังเรียกร้องให้ชาวปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงก์ และดินแดนที่ถูกยึดครองให้รวมตัวกันเพื่อสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ในเยรูซาเล็ม และมัสยิดอัล-อักซอ
Ofir Gendelman โฆษกของนายกรัฐมนตรี Naftali Bennett แห่งอิสราเอล กล่าวว่า อิสราเอลจะไม่ยอมให้ผู้ที่เขาเรียกว่า “ผู้ก่อจลาจล” ขัดขวางการละหมาดในกรุงเยรูซาเลมและขัดขวางความสงบเรียบร้อยของประชาชน
Gendelman กล่าวหาว่า “อันธพาลปาเลสไตน์” ขว้างก้อนหินโดยไม่มีเหตุผลโดยมีจุดประสงค์เพื่อทำให้สถานการณ์ในมัสยิด Al-Aqsa ลุกลาม เขากล่าวว่าตำรวจอิสราเอลถูกบังคับให้เข้าไปในบริเวณดังกล่าวเพื่อสลายฝูงชนและทำให้สถานการณ์สงบลง
ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา อิสราเอลได้ดำเนินการจับกุมและโจมตีทางทหารในเขตเวสต์แบงก์ที่ถูกยึดครองอย่างผิดกฎหมาย ทำให้เกิดการปะทะกันซึ่งชาวปาเลสไตน์หลายคนถูกสังหาร รวมถึงเจ็ดคนตั้งแต่วันพุธ
ชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคนคาดหวังให้มารวมตัวกันที่อัล-อักซอเพื่อละหมาดในบ่ายวันศุกร์ ในช่วงเดือนรอมฎอน
สัปดาห์ของการประท้วงและการบุกโจมตีมัสยิดอัล-อักซอ ในช่วงเดือนรอมฎอนปีที่แล้ว บานปลายเป็นการโจมตี 11 วันในฉนวนกาซาที่ถูกปิดล้อม
สงครามนำไปสู่การเสียชีวิตของชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 260 คน รวมทั้งชาวอิสราเอล 13 คน และการทำลายล้างครั้งใหญ่ในดินแดนที่ยากจนที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
รอมฎอนปีนี้ตรงกับวันหยุดเทศกาลปัสกาของชาวยิวและสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ของคริสเตียน ทำให้มีผู้แสวงบุญและผู้มาเยือนเยรูซาเล็มหลายพันคน
อัล-อักซอเป็นจุดสำคัญสำหรับความรุนแรงระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์มานานหลายทศวรรษ และเป็นศูนย์กลางของการปฏิวัติปาเลสไตน์ระหว่างปี 2000-2005 หรือการจลาจล
อิสราเอลยึดกรุงเยรูซาเลมตะวันออก รวมทั้งเมืองเก่า ในสงครามปี 1967 และผนวกเข้ากับการเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ชาวปาเลสไตน์ต้องการให้พื้นที่ทางตะวันออกของเมืองเป็นเมืองหลวงของรัฐในอนาคต ซึ่งรวมถึงเวสต์แบงก์และฉนวนกาซา ซึ่งอิสราเอลก็ยึดครองไประหว่างสงคราม
