นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า หอหารค้าไทยประสงค์จะซื้อปุ๋ยเคมีจากซาอุดีอาระเบียเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนปุ๋ยภายในประเทศ ในระหว่างการพบหารือระหว่างนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกับนาย Khalid Abdulaziz Al-Falih รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2565 ซึ่งเป็นวันแรกในการเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของนายดอน ระหว่างวันที่ 15-19 พ.ค. พร้อมผู้แทนจากภาครัฐและภาคเอกชนครั้งแรกในรอบ 32 ปี
ในระหว่างการหารือแนวทางส่งเสริมการค้า การลงทุนระหว่างกันนายดอนได้เสนอขอซื้อปุ๋ยเคมีจากซาอุดีอาระเบียเนื่องจากขณะนี้ประเทศไทย กำลังประสบปัญหาขาดแคลนปุ๋ยเคมีเนื่องจากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนซาอุดีอาราเบีย ได้ระบุว่า ขณะนี้มีหลายประเทศได้ติดต่อขอซื้อปุ๋ยเคมีจากซาอุดีอาระเบียเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ซาอุดีอาระเบียจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับประเทศไทย โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ จัดหาผู้ผลิตและจำหน่ายปุ๋ยของประเทศซาอุดิอาระเบีย มาพบกับนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในวันจันทร์(16 พ.ค.) เพื่อหารือในรายละเอียดต่อไป
ทั้งนี้ นายสนั่น กล่าวว่าเป็นหนึ่งในองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุนซาอุดีฯ วานนี้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ไทยจะสามารถแก้ไขปัญหาขาดแคลนปุ๋ยและแสวงหาพันธมิตรใหม่ในการซื้อขายสินค้าประเภทดังกล่าว ซึ่งการเดินทางมาซาอุดีอาราเบียในครั้งนี้ถือเป็นจังหวะที่ดี นอกจากจะมาช่วยเปิดโอกาสการค้า-ลงทุนเพิ่มแล้ว รัฐบาลยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องปุ๋ยเคมีให้กับเกษตรกรอีกด้วย
สำหรับกำหนดการสำคัญถัดไปในการเยือนซาอุดีอาราเบียของนายดอน คณะผู้แทนภาครัฐและนักธุรกิจภาคเอกชนจะเข้าร่วมงาน Saudi-Thai Investment Forum 2022 จัดขึ้นที่โรงแรม Movenpick ในกรุงริยาด ซึ่งมีผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชนทั้งของไทยและซาอุดีอาระเบียเข้าร่วม และพบปะผู้ประกอบการของไทยที่เข้าร่วมงานส่งเสริมสินค้าและผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลของไทย ซึ่งเป็นโครงการของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาดที่จะส่งเสริมผลิตภัณฑ์อาหารฮาลาลของไทยให้เป็นที่รู้จักและนิยมในซาอุดีอาระเบีย เยี่ยมชมโครงการพัฒนาเมือง อัลลูลา (Al-Ula) ตาม Vision 2030 ของซาอุดีอาระเบียเพื่อศึกษาศักยภาพและการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของซาอุดีอาระเบีย ศึกษาดูงานที่ King Abdullah Economic City ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาเมืองใหม่ริมชายฝั่งทะเลแดง เพื่อเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมทางภาคตะวันตกของประเทศ รวมทั้ง King Abdullah University of Science and Technology (KAUST) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของซาอุดีอาระเบีย มีความโดดเด่นด้านการวิจัยและพัฒนา
ในด้านฮาลาลเพจ Dr.Winai Dahlan ของดร.วินัย ดะห์ลัน เปิดเผยว่า การสัมมนาด้านความร่วมมือทางธุรกิจและการลงทุนระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบียเริ่มแล้ว ประเทศไทยนำโดยคุณดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศ ซาอุดีอาระเบียนำโดยมิสเตอร์คอลิด อัล ฟาลิฮฺ รัฐมนตรีกระทรวงการลงทุน ทั้งสองฝ่ายมีนักธุรกิจเข้าร่วมนับร้อย ฝ่ายไทยเป็นนักธุรกิจระดับนำ 49 คนจาก 12 อุตสาหกรรม
ในงานฝ่ายซาอุดีชื่นชมประเทศไทยมาก โดยซาอุดีอยากเรียนรู้ความสำเร็จด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย ที่นำนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมได้ถึงปีละ 40 ล้านคน ใน ค.ศ.2030 ซาอุดีคาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ 100 ล้านคน ปัจจุบันซาอุดีรับนักท่องเที่ยวปีละ 20 ล้านคน (เป็นต้วเลขที่รวมผู้เข้าร่วมพิธีฮัจย์และอุมเราะฮฺแล้ว)
นอกจากนี้ซาอุดียังชื่นชมความสำเร็จของประเทศไทยด้านอื่นๆ ดังเช่น ด้านบริการทางการแพทย์ ด้านการเกษตร คาดหวังว่าสองประเทศจะเป็นหุ้นส่วนสำคัญระหว่างกัน
คุณดอนกล่าวชื่นชมความสำเร็จของซาอุดีอาระเบีย ชื่นชมวิสัยทัศน์ของผู้นำ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเริ่มต้นอีกครั้งเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2022 เมื่อนายกรัฐมนตรีประเทศไทยเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียตามคำเชิญ สุดท้ายรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสรุปไว้ดีว่าในความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดี หากอยากไปเร็วก็ไปคนเดียว อยากไปได้ไกลต้องไปด้วยกัน ไทยกับซาอุดีจะจับมือกันอีกครั้งเพื่อเดินไปข้างหน้า
ในส่วนอุตสาหกรรมฮาลาลซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในความสัมพันธ์ครั้งนี้ เศรษฐกิจฮาลาลโลกมีมูลค่าสูงถึง 4.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เฉพาะอาหารและการเกษตรมีมูลค่าสูงถึง 1.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซาอุดีอาระเบียจะกลายเป็นตลาดสำคัญของผลิตภัณฑ์ฮาลาลจากประเทศไทยทั้งเป็นตลาดกระจายผลิตภัณฑ์ฮาลาลจากประเทศไทยไปทั่วโลก
ซาอุดีอาระเบียคาดว่าจะรับแรงงานไทยมีฝีมือระดับกลางและระดับสูงจำนวนมากถึง 6 แสนคน เวลานี้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันฝันที่จะมีอนาคตอันสดใสร่วมกัน พวกเราคนไทยต้องร่วมกันดุอาอฺ
