ไทย-ซาอุฯ Business Forum คึกคักจ่อนำเข้าปุ๋ยล้านตัน

ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นเจ้าภาพจัดงาน “Thai – Saudi Business Forum” ขึ้น ที่ไอคอนสยาม เพื่อเป็นการขยายผลการค้าระหว่างสองประเทศ โดยมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 300 คน เป็นนักธุรกิจจากซาอุดีอาระเบียประมาณ 100 คน

ซึ่งในช่วงเช้าได้รับเกียรติจาก นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวเปิดงาน และเน้นย้ำว่า ไทยและซาอุดิอาระเบีย มุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามแผนยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคี ไทย-ซาอุดีอาระเบีย โดยจะมีการแลกเปลี่ยนคณะผู้แทนระดับสูงและผู้แทนในด้านอื่น ๆ ระหว่างกันให้มากขึ้น ภายใต้ผลประโยชน์ร่วมของสองประเทศ

นายสนั่น กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน มีชาวซาอุดิอาระเบียเดินทางมายังประเทศไทยแล้วหลายหมื่นคน โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นในการลงทุนในประเทศไทย ซึ่งสนใจการลงทุนภาคเกษตร เทคโนโลยี บริหารจัดการน้ำ มีอุปกรณ์ในการช่วยทำเกษตรสมัยใหม่ และยินดีที่จะส่งบุคลากรของซาอุดิอาระเบียมาไทย เพื่อลงทุนร่วมกันเกี่ยวกับภาคเกษตร

ส่วนความคืบหน้าการเจรจานำเข้าปุ๋ยจากซาอุดิอาระเบียจากการที่ 3 ฝ่าย อาทิ กระทรวงพาณิชย์โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นักธุรกิจให้มีการพบกันระหว่างผู้ส่งออกปุ๋ยรายใหญ่ 3 รายของซาอุฯ กับผู้นำเข้าปุ๋ยของไทยเพื่อให้ประเทศไทยมีปริมาณปุ๋ยพอใช้สำหรับเกษตรกรนั้น เบื้องต้น ซาอุฯมีความยินดีที่จะช่วยจำหน่ายปุ๋ยให้ไทย คาดว่าจะนำเข้าปุ๋ยจากซาอุฯได้ในปริมาณ 1 ล้านตัน โดยเป็นการทยอยนำเข้า ขณะที่ประเทศไทยมีการนำเข้าแต่ละปีอยู่ที่ 5 ล้านตัน

Mr.Krayem S. Alenezi, Member the Board of Directors of the Riyadh Chamber ในฐานะผู้นำคณะนักธุรกิจซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า การเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในแผนการขับเคลื่อนและขยายการค้า การลงทุน ตามนโยบาย Saudi Vision 2030 ของซาอุดีอาระเบีย เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ลดการพึ่งพาน้ำมัน

และซาอุดีอาระเบียยังมีแผนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ในระดับกิกะโปรเจกต์โดยมุ่งหวังที่จะเชื่อมโยงเข้ากับแผนการพัฒนาอีอีซีของไทย เพื่อยกระดับระบบขนส่งโลจิสติกส์ของสองประเทศ นอกจากนี้ หอการค้าริยาดยังได้ร่วมลงนาม MOU กับหอการค้าไทย

โดยมีการลงนามข้อตกลงร่วมกันจำนวน 12 ฉบับ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางธุรกิจและการลงทุนระหว่างกัน ผ่านความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักธุรกิจของทั้งสองประเทศ

คาดว่าการเยือนไทยครั้งนี้ จะส่งผลต่อมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างกันมากขึ้นหลายหมื่นล้านบาท โดยเฉพาะการส่งออกปุ๋ยและอุปกรณ์การเกษตรของฝ่ายซาอุฯ และนำไปสู่การหารือกันอย่างใกล้ชิด เพื่อปลดล็อคอุปสรรคและหาแนวทางผ่อนปรนมาตรการในด้านการส่งออก-นำเข้าในสินค้าต่าง ๆ อาทิ อาหารทะเลกระป๋อง เป็นต้น ซึ่งฝ่ายซาอุฯ ได้แสดงความสนใจระบบการรับรองมาตรฐานสินค้าฮาลาล รวมถึงระบบการจัดการห้องปฏิบัติการของศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ด้านนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ธนาคารในประเทศไทยมีสถานะทางการเงินที่มั่นคงและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ โดยปัจจุบันมีธนาคารในซาอุดิอาระเบีย 12 ธนาคารที่มีการติดต่อทำธุรกรรมกับไทย โดยสามารถทำธุรกรรมที่ครอบคลุมทั้งการนำเข้า การส่งออก และธุรกรรมอื่น ๆ เช่น การขอคืนภาษี Withholding Tax สำหรับชาวต่างชาติ ซึ่งธนาคารในประเทศไทยมีการพัฒนาระบบ Smart Financial and Payment Infrastructure for Business (Prompt Biz)

ซึ่งครอบคลุมทุกทวีปทั่วโลก โดยประเทศไทยมีความพร้อมในการรองรับสกุลเงินหลักของโลก ทั้งสกุลดอลลาร์สหรัฐ และสกุลเงินของกลุ่มประเทศ G7 รวมทั้งยังรับรองการทำธุรกรรมร่วมกับสกุลเงินเฉพาะอีกมากกว่า 130 สกุลเงิน นอกจากนี้ ยังมีระบบ National Digital Trade Platform (NDTP) ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการค้าข้ามพรมแดนกับทุกประเทศทั่วโลก

วันเดียวกัน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงาน Thai–Saudi Business Matching โดยภายในงานมีการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ซึ่งมีเอกชนจากหอการค้าริยาด จำนวน 70 บริษัท และเอกชนไทย กว่า 200 บริษัท ประกอบด้วยธุรกิจสาขาต่าง ๆ อาทิ

อัญมณีและเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ท่องเที่ยวและโรงแรม สิ่งทอ (เสื้อผ้า /แฟชั่น) สุขภาพ อาหารและเครื่องดื่ม เกษตรและประมง เทคโนโลยีและสารสนเทศ R&D โลจิสติกส์ เครื่องมืออุตสาหกรรม อุปกรณ์การเกษตร ทรัพยากรมนุษย์และการฝึกอบรม ด้านกฎหมาย ด้านพลังงานและเหมืองแร่ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การเดินทางเยือนไทยของคณะหอการค้าริยาดครั้งนี้ เป็นเพียงการนำร่องเท่านั้น โดยภาครัฐบาลและเอกชนได้เตรียมการต้อนรับมกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งซาอุดิอาระเบีย ที่จะเสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยอย่างเป็นทางการ ภายในปีนี้ พร้อมคณะผู้แทนหอการค้าซาอุฯ ประมาณ 100 คน นอกจากนี้ ยังถือเป็นการสานสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในทุกมิติ ทั้งในด้านการท่องเที่ยว การค้า และการลงทุน ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป

ความคิดเห็น

comments