“ผมภูมิใจมากที่รู้ว่าซาอุดีอาระเบียได้ลงมติเห็นชอบมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติฉบับล่าสุด ซึ่งสนับสนุนอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครนอย่างชัดเจน” Anatolii Petrenko (อนาโตลิอิ เปเตนโก) เอกอัครราชทูตยูเครนประจำซาอุดิอาระเบีย กล่าวกับอาหรับนิวส์
ล่าสุดซาอุดีอาระเบียลงมติเห็นชอบมติของสหประชาชาติที่จะไม่ยอมรับการที่รัสเซียผนวกรวมทั้งสี่ภูมิภาคไปจากยูเครน
เอกอัครราชทูตเปเตนโก กล่าวเสริมว่า “ประการที่สอง การลงมตินี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของซาอุดีอาระเบียต่อหลักการและบทบัญญัติที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ และภูมิปัญญาของความเป็นผู้นำทางการเมืองและมิตรภาพที่แท้จริงของชาวซาอุดิอาระเบียและการยืนเคียงข้างยูเครนของพวกเขา”
นับตั้งแต่เริ่มสงคราม ซาอุดิอาระเบียได้แสดงการสนับสนุนหลายครั้งเพื่อบรรเทาผลกระทบด้านมนุษยธรรมจากความขัดแย้ง และจะยังคงเป็นสื่อกลางระหว่างทุกฝ่าย ส่งผลให้มีการปล่อยนักโทษ 300 คนในเดือนกันยายน
ในการให้สัมภาษณ์กับอาหรับนิวส์ ประธานาธิบดี Zelensky ได้ขอบคุณเป็นการส่วนตัวในการไกล่เกลี่ยของมกุฎราชกุมารซึ่งส่งผลให้เกิด “ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม”
เอกอัครราชทูตยูเครนเชื่อว่าการเคลื่อนไหวนี้เป็นตัวอย่างที่ทรงพลัง “และผมก็เชื่อว่านี่เป็นตัวอย่างที่ทรงพลังมากสำหรับประเทศในอ่าวและหลายประเทศในโลก”
ในเดือนสิงหาคม ศูนย์ช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ด้านมนุษยธรรมของกษัตริย์ซัลมาน(KSRelief) ให้คำมั่นสัญญาในการส่งมอบความช่วยเหลือ 10 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือกองทุนด้านสุขภาพฉุกเฉิน และโครงการที่พักพิงสำหรับผู้ลี้ภัยชาวยูเครนในโปแลนด์
เอกอัครราชทูตยูเครนยังแสดงความเห็นว่า “มตินี้แสดงถึงรากฐานที่มั่นคงในการดำเนินการทางเศรษฐกิจที่จำเป็นและเป็นประโยชน์อย่างมากของเรา และความร่วมมือด้านมนุษยธรรมทุกรูปแบบ เนื่องจากเราต้องตระหนักว่าประชาชนของเรามีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ทั้งหมดนี้จะขึ้นอยู่กับความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันทางการเมืองและการทูตที่เป็นไปได้ที่ยูเครนมุ่งมั่นที่จะดำเนินการต่อไป”
ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวขอบคุณมกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียทางโทรศัพท์เมื่อวันพฤหัสบดี สำหรับการไกล่เกลี่ย และอำนวยความสะดวกในการปล่อยตัวนักโทษต่างชาติ 10 คนจากรัสเซีย
ทั้งนี้การเคลื่อนไหวดังกล่าว สวนทางกับข้อกล่าวหาของประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา สำหรับข้อกล่าวหาว่าซาอุดิอาระเบียว่าสนับสนุนรัสเซียในสงครามยูเครน หลังไม่พอใจที่ซาอุดิอาระเบียไม่ยอมเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันส่งผมให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น กระทบต่อคะแนนนิยมของผู้นำสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ด้วย

