แม่ทัพภาค 4 สั่งตรวจสอบใบอนุญาตโกดัง จี้ทุกฝ่ายคลี่คลายคดีเร่งด่วน มีการประเมินการระเบิดในครั้งนี้มีน้ำหนัก 5 ตัน รัศมีการทำลายล้าง 2 ก.ม.
เมื่อเวลา 10.00 น. วันอาทิตย์ 30 กรกฎาคม พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เดินทางมายังกองอำนวยการร่วม ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณศูนย์พักพิงชั่วคราว สนามกีฬา อบต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปเหตุโกดังเก็บดอกไม้เพลิง ซึ่งตั้งอยู่บ้านมูโนะ อ.สุไหงโก-ลก ได้เกิดระเบิดขึ้นในขณะที่ช่างกำลังเชื่อมต่อเติมชั้นวางของภายในโกดัง ซึ่งมีดอกไม้เพลิงและพลุนานชนิดจำนวนกว่า 2 คันรถสิบล้อถูกเก็บอยู่ภายในโกดัง เหตุเกิดเมื่อเวลา 15.30 น.ของวันที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 108 ราย โดยแพทย์ให้กลับบ้านได้แล้ว 98 ราย ต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล 10 ราย เป็นชาย 2 ราย หญิง 6 ราย และเด็ก 2 ราย ส่วนใหญ่มีบาดแผลตามศีรษะ ใบหน้า และร่างกาย อยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
โดยมี พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาค 4 พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียน ผบ.ฉก.นราธิวาส พ.ต.อ.อนุราช จิตศีล นักวิทยาศาสตร์ สบ.5 ศูนย์กองพิสูจน์หลักฐาน 10 จ.ยะลา และเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.จ.นราธิวาส รวม 20 นาย คอยให้การต้อนรับและร่วมประชุมร่วมในการรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมี ร.ท.พัฒนาวุฒิ สังข์สุวรรณ ผบ.ร้อยป้องกันชายแดนที่ 3 กก.สุริโยทัย เป็นผู้บรรยายตั้งแต่การเกิดระเบิด การควบคุมสถานการณ์ การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต รวมไปถึงการประชาสัมพันธ์ในชาวบ้านได้ออกห่างจุดเกิดเหตุ เกรงจะได้รับอันตรายในระหว่างไฟลุกลามกองดอกไม้เพลิงที่ปะทุเป็นเวลานานหลายชั่วโมง
โดย พล.ท.ศานติ แม่ทัพภาค 4 ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยได้บูรณาการในการปฏิบัติ แบ่งการทำงานให้ชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของการขออนุญาตการตั้งโกดังถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากมีผลต่อการช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ อี.โอ.ดี.ต้องเร่งและประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่าการระเบิดในครั้งนี้ พบหลุมระเบิด 2 จุดในโกดังค่อยข้างลึก หากเป็นระเบิดจะมีน้ำหนักประมาณกี่กิโลกรัม และในส่วนของการครอบครองดอกไม้เพลิงสามารถเก็บไว้ในโกดังได้เท่าใด ซึ่งตนได้สั่งตรวจสอบโกดังต่างๆในพื้นที่ จ.นราธิวาส ไปแล้วมีทั้งหมด 52 แห่ง แต่มีการดำเนินการตามระเบียนของการขออนุญาตถูกต้องหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นมาอีก
รายงานข่าวจากแหล่งข่าวนายหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับวัตถุระเบิด ได้มีการพูดคุยให้รายละเอียดในทางลับว่า จากการประเมินของหลุมระเบิด รวมทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้น เป็นผลจากดินดำหรือดินเทาที่เป็นส่วนผสมของดอกไม้เพลิงที่เก็บไว้ในโกดัง ซึ่งมีปริมาณมาก 2 ถึง 3 คันรถสิบล้อนั้น คาดว่า จะมีน้ำหนักมากถึง 5 ตันหรือ 5,000 ก.ก.ซึ่งมีรัศมีการทำลายล้างไกลถึง 2 ก.ม. และในส่วนของการขออนุญาตมีการจดทะเบียนชื่อ ร้านวิรวัฒน์ภาณิช โดย น.ส.ปิยะนุช พึ่งวิรวัฒน์ ซึ่งเป็นภรรยาของนายสมปอง ณะกุล ที่จำหน่ายสินค้าการเกษตร ของใช้ในครัวเรือน รวมทั้งประทัดและดอกไม้ไฟ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการประสานไปยังนายสมปอง และภรรยาได้รับทราบเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่สามารถจะมาพบเจ้าหน้าที่เมื่อใด หลังจากที่ได้พาสมาชิกในครอบครัวไปท่องเที่ยวต่างพื้นที่ในช่วงวันหยุดยาว
โดยการกระทำความผิดหลักๆ มี 3 ข้อหา ประกอบด้วย 1.การทำให้เกิดการระเบิด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และทรัพย์สินเสียหายเป็นจำนวนมาก 2.ความผิดในเรื่องของการครอบครองระเบิดเพลิง และ 3.พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่เฉพาะในเรื่องของความมั่นคง มีกฎระเบียบเฉพาะในการจำหน่ายดอกไม้เพลิง
พล.ต.อนุรุธ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า เมื่อปี 2559 พบประวัติเจ้าของโรงงานพลุแห่งนี้เคยถูกจับกุมเป็นผู้ต้องหา โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบพบของกลางที่ยังไม่ได้บรรจุเป็นผลิตภัณฑ์ แต่สุดท้ายก็สามารถหาหลักฐานเรื่องใบอนุญาตมาแก้ต่างได้ จึงทำให้มีคำสั่งไม่ฟ้อง
โดยทางเจ้าหน้าที่จะนำสำนวนคดีในครั้งนั้นมาประกอบในคดีนี้ด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอเจ้าของโกดังนำเอกสารมาแสดง เพื่อเทียบเคียงข้อเท็จจริงในการดำเนินคดี ซึ่งมีทั้งกฎหมายอาญาและกฎหมายเฉพาะ คือ พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนฯ รวมถึงเรื่องการขัดคำสั่งของ ผอ.รมน.ภาค 4 (การครอบครองพลุ ประทัด และดอกไม้เพลิง ต้องขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษกับ กอ.รมน.)
“เรื่องอื่นที่อยู่การสอบสวนในรายละเอียด เช่น ผิดตาม พรบ.โรงงาน พ.ศ. 2535 พรบ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ผู้ใดกระทำให้เกิดการระเบิดเพลิงไหม้จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์ซึ่งเป็นโรงเรือน และเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย อันตราย สาหัส ผู้กระทำต้องระวางโทษประหารชีวิต” พล.ต.ต.อนุรุธ กล่าว
ต่อมา เมื่อ พล.ท.ศานติ แม่ทัพภาค 4 รับฟังบรรยายสรุป และชี้แนะการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวแล้วเสร็จ ได้เข้าเยี่ยมชาวบ้านที่ประสบเหตุอันเกี่ยวเนื่องมาจากโกดังเก็บดอกไม้เพลิงระเบิด ที่เข้าพักศูนย์พักพิงชั่วคราว จำนวน 2 ครัวเรือน รวม 12 คน ที่ได้รับบาดเจ็บและบ้านพักอาศัยได้รับความเสียหายทั้งหลัง เพื่อมอบถุงยังชีพและพูดคุยให้กำลังใจ ซึ่งทุกคนมีขวัญกำลังใจและเชื่อว่าทางการจะให้ความช่วยเหลือครอบครัวอย่างเต็มที่
จากนั้น พล.ท.ศานติ แม่ทัพภาค 4 ได้เดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกสังกัดที่ปฏิบัติหน้าที่ให้การช่วยเหลือประชาชน ณ จุดเกิดเหตุ โดยมีเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานที่ปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวม 50 นาย กำลังกระจายกันเก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มูโนะ โดยพนักงานสอบสวนได้แยกย้ายกันทยอยสอบสวนปากคำชาวบ้านแต่ละหลังที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งคาดว่าการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆอย่างละเอียดและรัดกุมอาจจะต้องใช้เวลานานอีกสักระยะจึงแล้วเสร็จ
นอกจากนี้ที่บริเวณถนนสายหลักข้างจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้ปิดกั้นการจราจรขาเข้าพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จำนวน 1 ช่องทาง เพื่อใช้เป็นสถานที่ตั้งโรงครัวพระราชทาน ในการปรุงอาหารให้ประชาชนที่ประสบเหตุได้รับประทาน พร้อมตั้งเต็นท์รับแจ้งความเสียหายจากเจ้าหน้าที่ศูนย์เยียวยา จ.นราธิวาส เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลให้การช่วยเหลือในโอกาสต่อไป
ด้าน พล.ท.ศานติ แม่ทัพภาค 4 กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องมีการสอบสวนดำเนินคดี ว่าโกดังนี้มีการขออนุญาตในทุกเรื่องว่าถูกต้องหรือไม่ โดยทางผู้การตำรวจภูธร จ.นราธิวาส ได้ชี้แจงว่าใครที่เกี่ยวจะดำเนินการ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขอให้อยู่ในขั้นตอนของการสืบสวนสอบสวน และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และ อี.โอ.ดี.ด้วย ที่ตรงนี้ก่อนช่วงเดือนรอมฎอนผมได้สั่งการไปแล้วครั้งหนึ่งว่า ร้านค้าที่ขายพลุประทัดต่างๆใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ให้ทำการตรวจสอบในทุกพื้นที่ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งอาจจะมีหลงเหลือหรือแอบกันอยู่บ้าง หลังจากนี้ไปให้ตรวจสอบทุกจังหวัด ให้เข้าในทุกโกดังร้านค้าว่าถูกต้องหรือไม่ ทั้งครอบครอบ เคลื่อนย้ายหรือจำหน่าย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยอีก
ข่าว/ซาการียา/จ.นราธิวาส





