เว็บไซด์รัฐบาลไทยรายงานว่า วันที่ 8 ตุลาคม 2566 ในเวลา 12.50 น. ตามเวลาท้องถิ่นเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เมื่อเดินทางถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้รับทราบรายงานจาก สาวพรรณภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่า มีคนไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก1 คน รวมเป็น 2 คน จากเหตุการณ์กลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอล
โดยก่อนเดินทางเยือน เขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน บรูไนดารุสซาลาม มาเลเซีย และสาธารณรัฐสิงคโปร์ อย่างเป็นทางการว่า นายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์หาเอกอัคราชฑูตอิสราเอลประจำประเทศไทย เพื่อให้กำลังใจ และฝากฝังให้ดูแลคนไทยรวมทั้งได้คุยกับ เอกอัครราชทูตไทย ประจำอิสราเอลในช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ซึ่งได้รายงานว่า มีคนไทยเสียชีวิต 2 ราย และมีแรงงานถูกจับกุมกักขัง 11 ราย โดยยังไม่ได้รับการยืนยันว่าอยู่ส่วนไหนของอิสราเอล โดยสถานการณ์ในขณะนี้ในพื้นที่คือ ห้ามออกจากบ้าน มีการสู้รบ น่านฟ้าปิด
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะพยายามเต็มที่ทุกวิธีทางทางการทูตเพราะเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่เกี่ยวข้องใดๆ ทั้งนี้ กำลังรอรายงานยืนยัน โดยมีแผนอพยพเตรียมพร้อมไว้ 24 ชม ซึ่งจะขอให้มีแพทย์ร่วมเดินทางในคณะด้วย แต่ขณะนี้น่านฟ้าปิด total lockdown และให้ความกังวลในระดับสูงสุด
อย่างไรก็ดีนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟให้รายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและ เป็นศูนย์ประสานในการให้ความช่วยเหลือคนไทยตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะที่สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่าอุดมพร จำปาหอม แรงงานชาวไทยในเมืองมิฟตาฮิม (Mivtahim) ใกล้กับพรมแดนติดฉนวนกาซา ในอิสราเอล บอกกับบีบีซีไทยจากแหล่งหลบซ่อนกลางป่า ห่างจากฟาร์มที่เขาและคนไทยอีกจำนวนมากทำงานอยู่
คลิปวิดีโออีกคลิปหนึ่ง แสดงให้เห็นเหล่าแรงงานไทยที่ต้องช่วยกันปฐมพยาบาลเพื่อนแรงงานชาวไทยที่ถูกกลุ่มติดอาวุธฮามาสยิงบาดเจ็บ บริเวณต้นขาและบั้นท้าย ที่อุดมพร อธิบายว่า “รูกระสุนใหญ่เท่าฝาขวดน้ำ”
ย้อนไปเมื่อเวลาประมาณ 6.00 น. วันที่ 8 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่น อุดมพร และเพื่อนร่วมงานอีกราว 30 ชีวิต กำลังทำงานอยู่ในฟาร์มทางการเกษตร ทันใดนั้น มีเสียงครืนและเสียงจรวดพุ่งแหวกอากาศดังก้อง ทำให้ทุกคนหยุดนิ่ง และมองว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่นานหลังจากนั้น กลุ่มมือปืนพร้อมอาวุธครบมือ ได้บุกเข้ามา “กราดยิง” ใกล้ที่พักคนงาน เขาจึงตัดสินใจหลบอยู่ในห้องนอนของตนเอง เพราะไม่สามารถวิ่งเข้าบังเกอร์ได้ทัน
ขณะที่ เมื่อเวลา 14:30 น. ที่กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ มีการแถลงผลการประชุมศูนย์ประสานงานฉุกเฉิน (Rapid Response Center) หรือ RRC มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน พร้อมด้วย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี , นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ , นายณัฐพล ขันธหิรัญ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ , นางสาวพรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ และตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม เช่น กองทัพอากาศ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงแรงงาน เข้าร่วม
นายภูมิธรรม แถลงสรุปว่า สาระสำคัญเพื่อหารือถึงแนวทางการช่วยเหลือคนไทยในเหตุการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลาง โดยที่ประชุมสรุปสถานการณ์ โดยขณะนี้ภาพรวม มีคนไทยในอิสราเอล ประมาณ 30,000 คน และ พื้นที่ใกล้เคียงอีก 5,000 คน / มีรายงานว่า มีนักศึกษาไทย ไปเรียนที่นั่น 8-9 คน ซึ่งขณะนี้ ศูนย์ RRC ได้ประเมินแนวทางช่วยเหลือและอพยพ
โดยกองทัพอากาศ / กองทัพเรือ และ กองทัพบก เตรียมพร้อมการช่วยเหลือทั้งบุคลากร และ เครื่องบินกองทัพอากาศอีก 6 ลำ ร่วมกันดูแนวเส้นทางที่ต้องอพยพ ทั้งทางอากาศ, ทางบก และ ทางเรือ หรือ ประเทศใกล้เคียง หรือ พื้นที่ใกล้เคียงที่จะเข้าไปอพยพแรงงานได้
ด้านกระทรวงสาธารณสุข เตรียมพร้อมด้านการแพทย์และเวชภัณฑ์ /
กระทรวงการต่างประเทศ จะประสานกับ เอกอัครราชฑูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ด้านข้อมูลและช่วยเหลือคนไทยที่นั่น และจะรายงานข้อมูลกับรัฐบาลไทยตลอด 24 ชั่วโมง
ขณะที่เดียวกัน ทางการฑูต ทางการอิสราเอล รับปากว่าจะดูแลคนไทยในอิสราเอลให้ดีที่สุด
สำหรับสถานการณ์ รายงานข้อมูล เวลา 14:30 น. ยังมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ยังยืนยันข้อมูลเดิม พบผูเสียชีวิตเป็นคนไทย 2 ราย ไม่ใช่ 10 ราย ตามที่มีกระแสข่าว /ผู้บาดเจ็บมี 8 ราย ในจำนวนนี้มีอาการสาหัส 6 ราย / และ มีคนไทยถูกจับ 11 คน และยังเป็นสถานการณ์ไม่นิ่ง
ขณะเดียวกัน ทางกระทรวงแรงงาน เปิดศูนย์ประสานงาน ในไทย และรับผิดชอบดูแลญาติ แรงงานในไทย ที่อยู่ในจังหวัดต่างๆ ที่เสียชีวิต และบาดเจ็บ รวมถึงกลุ่มที่โดนจับตัว และยังติดต่อไม่ได้
สำหรับการอพยพ นายภูมิธรรม ระบุด้วยว่า มีการประเมินร่วมกันถึงการอพยพกลุ่มคนที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด หรือ กลุ่มเสี่ยงอันตรายมากที่สุดออกมาจากพื้นที่ก่อน รวมถึงดูความสมัครใจและไม่สมัครใจด้วย แต่เราจะพยายามโน้มน้าวให้ออกจากพื้นที่ก่อนในช่วงนี้ เพราะประเมินว่า สถานการณ์ในอิสราเอล ยังยืดเยื้อ ขอให้ทุกคนมั่นใจว่า เราจะทำทุกอย่างกันอย่างเต็มที่ และเตรียมแผนทุกอย่างไว้ให้พร้อมมากที่สุด


