ศาลอาญากลางของสวิสมีเจตนาที่จะยกฟ้องคดีที่ฟ้องริฟาต อัล-อัสซาด ซึ่งเป็นอาของอดีตประธานาธิบดีซีเรีย บาชาร์ อัล-อัสซาด ซึ่งถูกกล่าวหาว่า “ก่ออาชญากรรมสงครามและก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ” คดีนี้เปิดขึ้นในเดือนธันวาคม 2013 หลังจากความพยายามขององค์กรนอกภาครัฐของสวิสที่เรียกว่า TRIAL International
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ Le Matin Dimanche และ SonntagsZeitung รวมถึงองค์กรนอกภาครัฐดังกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ ริฟาต อัล-อัสซาดถูกกล่าวหาว่า “ออกคำสั่งให้ก่ออาชญากรรมฆ่า ทรมาน ทารุณกรรม และจับกุมโดยผิดกฎหมาย ขณะที่เป็นผู้นำในหน่วยงานป้องกันประเทศ ในบริบทของความขัดแย้งด้วยอาวุธในเมืองฮามาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 1982 การสังหารหมู่ครั้งนี้ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไประหว่าง 10,000 ถึง 40,000 ราย ทำให้เขาได้รับการขนานนามว่าเป็น “ฆาตกรฮามา”
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ไม่กี่วันก่อนที่นายบาชาร์ อัล-อัสซาดจะถูกโค่นล้ม ศาลอาญากลางของสวิสแจ้งต่อตัวแทนของเหยื่อว่าต้องการยกฟ้อง
“ศาลสวิสแจ้งต่อตัวแทนของเหยื่อว่าชายคนดังกล่าวซึ่งมีอายุ 80 ปี ป่วยด้วยโรคที่ทำให้ไม่สามารถเดินทางและเข้ารับการพิจารณาคดีได้” หนังสือพิมพ์ทั้งสองฉบับรายงาน
คดีต่อนายริฟาต อัล-อัสซาดเปิดขึ้นเมื่อ TRIAL International ทราบว่าเขาอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเจนีวาในปี 2013 หลังจากได้รับแจ้งจากชาวซีเรียที่อาศัยอยู่ในเมือง เมื่อวานนี้ ที่ปรึกษากฎหมายขององค์กรนอกภาครัฐ นายเบอนัวต์ เมยสเตร เน้นย้ำว่า TRIAL International สามารถยืนยันเจตนาของศาลตามที่แจ้งให้คู่กรณีทราบเกี่ยวกับการยกฟ้องได้ แต่ยังไม่มีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการ
“ในกรณีที่มีการยกฟ้อง จะมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการอุทธรณ์ และมีแนวโน้มสูงมากที่การตัดสินใจนี้จะถูกท้าทาย” เมยสเตรอธิบาย “องค์กรพัฒนาเอกชนไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ ดังนั้น หากมีการอุทธรณ์ การตัดสินใจจะตกอยู่ที่ฝ่ายที่ผู้ร้องเรียน”
ริฟาต อัล-อัสซาด แสดงตัวว่าต่อต้านหลานชาย บาชาร์ มานานหลายปี โดยเขาออกจากซีเรียในปี 1984 หลังจากพยายามก่อรัฐประหารที่ล้มเหลวต่อฮาฟิซ อัล-อัสซาด พี่ชายของเขา ซึ่งเป็นพ่อของบาชาร์ และดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในขณะนั้น เขาเดินทางกลับมาในปี 2021 หลังจากลี้ภัยในฝรั่งเศสเป็นเวลา 37 ปี เพื่อหลบหนีคำตัดสินของศาลที่ตัดสินจำคุกเขา 4 ปีในข้อหาฟอกเงินและยักยอกเงินสาธารณะของซีเรีย