รัฐสภาอียิปต์ย้ำปฏิเสธแผนการใดๆ ที่มุ่งหวังจะย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากดินแดนของพวกเขาเมื่อวันจันทร์ โดยเตือนว่าการกระทำดังกล่าวเป็น “ภัยคุกคามร้ายแรง” ต่อความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาค ตามรายงานของสำนักข่าว Anadolu
“เราไม่สามารถมองข้ามอันตรายร้ายแรงที่เกิดจากข้อเสนอที่เผยแพร่เกี่ยวกับการย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากดินแดนของพวกเขาได้” ฮานาฟี เกอบาลี ประธานรัฐสภา กล่าวในการประชุมรัฐสภา
“แนวคิดเหล่านี้ไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริงที่ได้รับการยอมรับอย่างดีว่าสาเหตุของชาวปาเลสไตน์ไม่ได้เป็นเพียงปัญหาประชากรหรือข้อพิพาททางภูมิศาสตร์เท่านั้น แต่เป็นสาเหตุของการที่ประชาชนพยายามดิ้นรนเพื่อสิทธิตามกฎหมายและประวัติศาสตร์ของตน
“ทุกคนต้องตระหนักว่าชาวปาเลสไตน์ไม่ใช่แค่กลุ่มคนที่แสวงหาที่พักพิง พวกเขาเป็นประชาชนที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และสิทธิที่ไม่สามารถโอนให้ผู้อื่นได้ซึ่งไม่สามารถลบเลือนไปได้ตามกาลเวลา พวกเขาจะไม่มีวันสละสิทธิเหล่านี้ และชาติอาหรับก่อนหน้าพวกเขาก็จะไม่มีวันสละสิทธิเหล่านี้เช่นกัน” เกอบาลีกล่าว
ประธานสภาอียิปต์เตือนว่าข้อเสนอใดๆ ที่ไม่คำนึงถึงสิทธิของชาวปาเลสไตน์ “จะก่อให้เกิดภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาค”
“ทางออกเดียวที่จะบรรลุสันติภาพที่ยั่งยืนได้คือการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ ซึ่งรับรองว่าชาวปาเลสไตน์สามารถสถาปนารัฐอิสระของตนตามแนวเขตแดนปี 1967 โดยมีเยรูซาเล็มตะวันออกเป็นเมืองหลวง ขณะเดียวกันก็รับรองความมั่นคงและเสถียรภาพของทั้งภูมิภาคด้วย”
“อียิปต์ซึ่งหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งสันติภาพในภูมิภาคมานานหลายปี ยืนยันอีกครั้งในวันนี้ว่าจะยังคงปกป้องสิทธิของชาวปาเลสไตน์ต่อไป และปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อความพยายามใดๆ ที่จะกำจัดปาเลสไตน์หรือละเมิดสิทธิของประชาชนผู้ยิ่งใหญ่กลุ่มนี้” เขากล่าว
เมื่อวันเสาร์ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เรียกร้องให้ “ทำความสะอาด” กาซาและย้ายชาวปาเลสไตน์ไปยังอียิปต์และจอร์แดน โดยกล่าวถึงดินแดนแห่งนี้ว่าเป็น “สถานที่รื้อถอน” หลังจากสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอล
อียิปต์ จอร์แดน สันนิบาตอาหรับ และองค์การความร่วมมืออิสลามออกแถลงการณ์และปฏิเสธข้อเรียกร้องใดๆ เกี่ยวกับการอพยพหรือย้ายถิ่นฐานของชาวปาเลสไตน์ออกจากดินแดนของตนทันที
ข้อเสนอของทรัมป์มีขึ้นหนึ่งสัปดาห์หลังจากข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในฉนวนกาซาเมื่อวันที่ 19 มกราคม ซึ่งพักจากสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอลที่คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วกว่า 47,300 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 111,000 ราย ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2023
การโจมตีของอิสราเอลทำให้ผู้คนมากกว่า 11,000 รายสูญหาย ส่งผลให้เกิดการทำลายล้างอย่างกว้างขวางและวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่คร่าชีวิตผู้สูงอายุและเด็กจำนวนมากในภัยพิบัติด้านมนุษยธรรมระดับโลกที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่ง
ศาลอาญาระหว่างประเทศได้ออกหมายจับเนทันยาฮูและโยอัฟ กัลลันต์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมในเดือนพฤศจิกายน ในข้อหาอาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติในฉนวนกาซา
อิสราเอลยังต้องเผชิญกับคดีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจากสงครามในดินแดนที่ถูกยึดครอง
