นายอาเมอร์ กาลิบ นายกเทศมนตรีเมืองแฮมแทรมค์ รัฐมิชิแกน กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า เขารู้สึก “เป็นเกียรติ” ที่ได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำคูเวต
ในขณะเดียวกัน นายบิล บาซซี นายกเทศมนตรีเมืองดีร์บอร์นไฮท์ส ซึ่งอยู่ในรัฐมิชิแกนเช่นกัน ได้รับการเสนอชื่อจากทรัมป์เมื่อสัปดาห์นี้ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำตูนิเซีย
กาลิบ และบาซซี ชาวมุสลิมเชื้อสายอาหรับอเมริกัน เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ของรัฐมิชิแกนที่ประกาศสนับสนุนทรัมป์ให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปีที่แล้ว แทนที่นายโจ ไบเดนและนางกมลา แฮร์ริส
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากประธานาธิบดีให้เป็นตัวแทนของประเทศอันยิ่งใหญ่ของเราและดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำรัฐคูเวตคนต่อไป” กาลิบกล่าวกับอาหรับนิวส์เมื่อวันศุกร์
“ผมจะใช้ทักษะ ภาษาอาหรับ ความเข้าใจทางวัฒนธรรม และภูมิหลังที่หลากหลายของผม เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ผมตื่นเต้นกับบทต่อไปของการเดินทางครั้งนี้ และผมจะทำให้ชาวอเมริกันภูมิใจในตัวผม” กาลิบ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองแฮมแทรมคในเดือนพฤศจิกายน 2021 เป็นชาวอเมริกันเชื้อสายอาหรับและมุสลิมคนแรกที่ดำรงตำแหน่งนี้ในเมืองที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม
เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมปีที่แล้ว ทรัมป์ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการระหว่างการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโดยกาลิบและบาซซี รวมถึงผู้นำและอิหม่ามชาวอาหรับและมุสลิมอีกหลายคนจากมิชิแกน ในงานแถลงข่าวที่เมืองโนวี
บาซซีไม่ได้ตอบ อาหรับนิวสต์ เมื่อถูกขอให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเสนอชื่อของเขา แต่ในข้อความที่โพสต์บน Facebook เขาเขียนว่า: “ผมรู้สึกเป็นเกียรติและขอบคุณที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำตูนิเซีย
“ในบรรดาประเทศต่างๆ ที่ผมเคยไปเยือนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผมมีความสัมพันธ์อันดีกับตูนิเซียและรัฐสภาอันทรงเกียรติ เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการเลือกตั้ง นักการศึกษา และผู้นำในอุตสาหกรรมอื่นๆ รวมไปถึงผู้คนที่ผมได้พบขณะเยี่ยมชมสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า สถาบันอาชีพสตรี โรงเรียน และบริษัทต่างๆ มากมาย ซึ่งสร้างความแตกต่างให้กับการมีบทบาทที่เพิ่มขึ้นของประเทศในภูมิภาคนี้
“จากการเยือนต่างประเทศ การเยือนสหรัฐฯ ของกลุ่ม และความสัมพันธ์ที่เราได้สร้างมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้กลับมาและเป็นตัวแทนประเทศของเราในตูนิเซียอย่างมีเกียรติในฐานะเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ เป้าหมายของผมคือการทำหน้าที่ต่อไปในตำแหน่งที่สร้างผลกระทบ ส่งเสริมสันติภาพและความร่วมมือทางการทูต ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประเทศของเรา และเสริมสร้างความสัมพันธ์ระดับโลก”
ทรัมป์เขียนบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย X ว่า “บาซซีเป็นนาวิกโยธินสหรัฐฯ ที่ได้รับการยกย่อง ซึ่งรับใช้ประเทศของเราอย่างมีเกียรติมาเป็นเวลา 21 ปี โดยร่วมมือกับเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ นักการทูต และผู้นำทั่วโลก”
บัซซี ซึ่งเกิดในบินต์จเบล ประเทศเลบานอน ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรีเมืองดีร์บอร์นไฮท์สในเดือนมกราคม 2021 หลังจากการเสียชีวิตของผู้ดำรงตำแหน่งคนก่อน และได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งในเดือนพฤศจิกายนของปีนั้น ก่อนหน้านี้ เขาเคยดำรงตำแหน่งประธานสภาเทศบาลเมืองดีร์บอร์นไฮท์สชั่วคราวตั้งแต่ปี 2017
บิชารา บาห์บาห์ ผู้ก่อตั้ง Arab Americans for Trump ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำงานในหลายรัฐเพื่อรวบรวมเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการเลือกตั้งและผู้นำชาวอาหรับและมุสลิมอเมริกันเพื่อสนับสนุนการรณรงค์หาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ กล่าวชื่นชมการแต่งตั้งกาลิบและบัซซีว่าเป็น “การแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประธานาธิบดีที่มีต่อชุมชนอาหรับและมุสลิม”
เขากล่าวกับอาหรับนิวส์ ว่า “Arab Americans for Peace ซึ่งเคยเป็น Arab Americans for Trump รู้สึกยินดีกับการที่ประธานาธิบดีทรัมป์เสนอชื่อนายกเทศมนตรีชาวอาหรับอเมริกันที่มีชื่อเสียงสองคนจากมิชิแกนให้เป็นเอกอัครราชทูตคนใหม่ประจำคูเวตและตูนิเซีย
“ทั้งสองคนเสี่ยงต่ออาชีพทางการเมืองของตน เนื่องจากได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งในนามพรรคเดโมแครต นายกเทศมนตรีบาซซีและนายกเทศมนตรีกาลิบเป็นบุคคลที่โดดเด่นที่ต้องการเห็นสงครามในฉนวนกาซาและเลบานอนสิ้นสุดลง”
การเสนอชื่อดังกล่าวสะท้อนถึงอิทธิพลที่เพิ่มมากขึ้นของชาวอเมริกันเชื้อสายอาหรับในแวดวงการเมืองของสหรัฐฯ บาห์บาห์กล่าว และ “เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงอำนาจใหม่ของชาวอาหรับชาวอเมริกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ผ่านมาและการเลือกตั้งประธานาธิบดีในอนาคต
“เราเชื่อมั่นว่านายกเทศมนตรีทั้งสองคนจะเป็นทูตที่มีประสิทธิภาพในการเป็นตัวแทนผลประโยชน์สูงสุดของสหรัฐอเมริกา ภูมิหลังที่เป็นชาวอาหรับของพวกเขาจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐฯ-คูเวตและสหรัฐฯ-ตูนิเซียให้ดีขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย”
ทั้งนี้การเสนอชื่อดังกล่าวจะต้องได้รับการพิจารณาและอนุมัติด้วยคะแนนเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ
