ในจดหมายลงวันที่ 31 มีนาคม 2025 วุฒิสมาชิกสหรัฐ จิม ริช (R-Idaho) ประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศวุฒิสภา และ ส.ส.ไบรอัน แมสต์ (R-Florida) ประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศสภาผู้แทนราษฎร ได้เตือนอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ไม่ให้จัดตั้งกลไกการสอบสวนพิเศษที่กำหนดเป้าหมายอิสราเอลภายในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) โดยพวกเขาเตือนว่าการกระทำดังกล่าวจะนำไปสู่การคว่ำบาตรในลักษณะเดียวกับที่สหรัฐอเมริกาดำเนินการกับศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) หลังจากที่ศาลได้ออกหมายจับเจ้าหน้าที่อิสราเอล
สมาชิกรัฐสภาแสดงความกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าการที่ UNHRC มุ่งเน้นไปที่อิสราเอลอย่าง “มากเกินไปและไม่สมส่วน” โดยเรียกการกระทำดังกล่าวว่าเป็นส่วนหนึ่งของ “กระแสต่อต้านอิสราเอลที่น่ากังวลและร้ายกาจ” ภายใน UN พวกเขาอ้างว่าหน่วยงานของ UN ที่สนับสนุนกลไกการสืบสวนระหว่างประเทศที่เจาะจงสำหรับอิสราเอลจะ “เผชิญกับผลที่ตามมาเช่นเดียวกับที่ ICC เผชิญจากการใช้อำนาจเกินขอบเขตและละเลยอำนาจอธิปไตยอย่างโจ่งแจ้ง”
UN ปฏิเสธข้อเรียกร้องของผู้สนับสนุนอิสราเอลที่ระบุว่า UN มีเป้าหมายแบ่งแยกเชื้อชาติมาโดยตลอด UN โต้แย้งว่าอิสราเอลมักเป็นเป้าหมายของการสืบสวนเนื่องจากละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1948 นักวิจารณ์ยังชี้ให้เห็นด้วยว่า UN ไม่มีประสิทธิภาพในการเรียกร้องให้อิสราเอลรับผิดชอบต่อการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และการละเมิดสิทธิมนุษยชนหลายครั้ง
พัฒนาการนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ศาลอาญาระหว่างประเทศได้ออกหมายจับเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และโยอัฟ กัลลันต์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหม เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2024 โดยอ้างถึงอาชญากรรมสงครามที่ถูกกล่าวหาในระหว่างปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในฉนวนกาซา
การออกหมายจับอาชญากรทั้งสองถูกตอบโต้โดยสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ได้ผ่าน “พระราชบัญญัติการตอบโต้ศาลที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2025 โดยกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ของศาลอาญาระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว
วุฒิสมาชิกริชและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาสต์เป็นผู้สนับสนุนอิสราเอลอย่างโดดเด่น วุฒิสมาชิกริชได้ริเริ่มโครงการต่างๆ เช่น “พระราชบัญญัติยืนหยัดเคียงข้างอิสราเอล” ซึ่งมุ่งเป้าไปที่การต่อต้านอคติที่รับรู้ต่ออิสราเอลภายในสหประชาชาติ นอกจากนี้ เขายังคัดค้านมาตรการที่จะระงับการขายอาวุธให้กับอิสราเอล โดยระบุว่าการกระทำดังกล่าวจะ “ทำให้พันธมิตรสำคัญต้องสูญเสีย”
ส.ส.มาสต์ ซึ่งเป็นทหารผ่านศึกของกองทัพสหรัฐฯ ได้อาสาเข้าร่วมกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) หลังจากปลดประจำการ โดยอ้างถึงค่านิยมร่วมกัน ได้แก่ “เสรีภาพ ประชาธิปไตย และความเคารพซึ่งกันและกันสำหรับทุกคน” เขาเป็นผู้เรียกร้องการสนับสนุนอิสราเอลในรัฐสภา โดยสวมเครื่องแบบของกองกำลังอิสราเอลไปยังอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เพื่อแสดงการสนับสนุนหลังจากวันที่ 7 ตุลาคม
ส.ส.ทั้งสองคนได้รับเงินจำนวนมากจากกลุ่มที่สนับสนุนอิสราเอล โดยวุฒิสมาชิกริชได้รับเงินประมาณ 255,787 ดอลลาร์จากคณะกรรมการกิจการสาธารณะอเมริกัน-อิสราเอล (AIPAC) ส.ส.มาสต์กล่าวกันว่าได้รับเงินเกือบ 700,000 ดอลลาร์จาก AIPAC ตลอดอาชีพการงานของเขา นักวิจารณ์โต้แย้งว่าเงินดังกล่าวมีอิทธิพลต่อจุดยืนที่สนับสนุนอิสราเอลอย่างแข็งกร้าวของพวกเขา จึงเกิดคำถามเกี่ยวกับการให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของต่างประเทศมากกว่าประชาชนชาวอเมริกัน
UN เผชิญการวิพากษ์วิจารณ์ว่ามุ่งเน้นไปที่อิสราเอล โดยมีการสอบสวนการละเมิดสิทธิมนุษยชนของอิสราเอลหลายครั้ง สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้จัดตั้งคณะกรรมาธิการสอบสวนและค้นหาข้อเท็จจริงหลายคณะเกี่ยวกับการกระทำของอิสราเอลในดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งนำไปสู่การกล่าวหาจากสมาชิกรัฐสภาอเมริกันว่ามีอคติ และการตรวจสอบที่ไม่สมส่วน