นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ถูกวิจารณ์ในแง่ลบและไม่เชื่อถือ หลังจากอ้างถึงการแต่งงานที่ถูกเลื่อนออกไปของลูกชายเป็นตัวอย่างของ “ต้นทุนส่วนบุคคล” จากสงครามที่เขาทำกับอิหร่าน
เนทันยาฮูยืนอย่างสง่าอยู่หน้าศูนย์การแพทย์โซโรคาที่ได้รับความเสียหายจากขีปนาวุธในเบียร์เชบาและกล่าวว่า “มีผู้คนที่เสียชีวิต ครอบครัวที่โศกเศร้าเสียใจกับคนที่รัก ผมซาบซึ้งใจมาก” และยังกล่าวอีกว่า “เราทุกคนต่างต้องแบกรับต้นทุนส่วนตัว และครอบครัวของผมก็ไม่เว้น”
เขากล่าวต่อว่า “มันทำให้ผมนึกถึงคนอังกฤษในช่วงที่เกิดการโจมตีทางอากาศ เรากำลังเผชิญกับการโจมตีทางอากาศ”
สงครามสายฟ้าแลบ (Blitzkrieg) เป็นปฏิบัติการทิ้งระเบิดทางอากาศที่ดำเนินการโดยนาซีเยอรมนีต่ออังกฤษในปี 1940 และ 1941 เป็นระยะเวลานานแปดเดือน เครื่องบินทิ้งระเบิดของเยอรมันได้โจมตีกรุงลอนดอนและเมืองใหญ่ๆ อื่นๆ สังหารพลเรือนไปกว่า 43,000 ราย และทิ้งความเสียหายไว้มากมาย
เนทันยาฮูเปรียบเทียบการยกเลิกงานแต่งงานของลูกชายกับความยากลำบากที่ชาวอิสราเอลต้องเผชิญอย่างน่าตกตะลึง โดยเขาพยายามเน้นย้ำถึงความยากลำบากที่ครอบครัวของเขาต้องเผชิญร่วมกับชาวอิสราเอลทั่วไป โดยเขากล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองที่ลูกชายของผม อัฟเนอร์ ยกเลิกงานแต่งงานเนื่องจากถูกขู่ด้วยขีปนาวุธ นี่เป็นต้นทุนส่วนตัวของคู่หมั้นของเขาด้วย และผมต้องบอกว่าภรรยาที่รักของผมเป็นฮีโร่ และเธอต้องแบกรับต้นทุนส่วนตัวนี้”
คำพูดของเนทันยาฮูจุดชนวนให้เกิดกระแสความโกรธแค้นของประชาชนจำนวนมาก โดยหลายคนกล่าวว่าเขาไม่รับรู้ความจริงที่ชาวอิสราเอลและปาเลสไตน์ทั่วไปต้องเผชิญ กิลาด คารีฟ สมาชิกรัฐสภาจากพรรคเดโมแครต เรียกคำพูดดังกล่าวว่า “เป็นการหลงตัวเองอย่างที่สุด” โดยระบุว่าในขณะที่ชาวอิสราเอลหลายคนกำลังโศกเศร้ากับการเสียชีวิตของคนที่รัก เนทันยาฮูกลับเลือกที่จะเน้นย้ำถึงความไม่สะดวกของสิทธิพิเศษของเขา “ผมรู้จักครอบครัวหลายครอบครัวที่ไม่ได้ถูกบังคับให้เลื่อนงานแต่งงาน แต่ตอนนี้พวกเขาจะไม่เฉลิมฉลองงานแต่งงานที่ครั้งหนึ่งเคยถูกกำหนดให้เกิดขึ้น” เขากล่าว
คำพูดของเนทันยาฮูถือเป็นตัวอย่างของนายกรัฐมนตรีอิสราเอลที่ขาดความเข้าใจต่อต้นทุนด้านมนุษยธรรมอันมหาศาลจากนโยบายของเขา เนื่องด้วยชาวปาเลสไตน์กว่า 55,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ถูกสังหารในฉนวนกาซาภายใต้การนำของเขา การที่เนทันยาฮูอ้างถึงการแต่งงานที่ถูกเลื่อนของลูกชายว่าเป็น “ต้นทุนส่วนบุคคล” ทำให้หลายคนมองว่าเป็นการเห็นแก่ตัวอย่างน่าขัน
การโจมตีทางทหารครั้งล่าสุดของอิสราเอลต่ออิหร่าน ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้พลเรือนชาวอิสราเอลเสียชีวิตอย่างน้อย 24 ราย ขณะที่ผู้ตรวจสอบสิทธิมนุษยชนในวอชิงตันประมาณการว่ามีพลเรือนชาวอิหร่านเสียชีวิตมากกว่า 260 ราย รัฐบาลของเนทันยาฮูเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์ที่เพิ่มมากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ไม่เพียงแต่ในเรื่องสงครามในภูมิภาคที่ทวีความรุนแรงขึ้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการไม่ให้ความสำคัญกับการเจรจาตัวประกัน และการไม่เคารพกฎหมายระหว่างประเทศในฉนวนกาซาและที่อื่นๆ อีกด้วย
