ครอบครัวชาวปาเลสไตน์ร้องขอความช่วยเหลือหลังฝนในฤดูหนาวที่ตกลงมาอย่างหนัก ส่งผลกระทบต่อการอยู่อาศัยที่พังทลายเนื่องจากการโจมตีทางทหารของอิสราเอลที่ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปี ส่งผลให้ผู้คนหลายแสนคนตกอยู่ในความเสี่ยงตามรายงานของอัลญะซีเราะห์
อุณหภูมิ ที่หนาวเย็นและฝนตกหนักทำให้สภาพความเป็นอยู่ของชาวปาเลสไตน์ที่ต้องพลัดถิ่นหลายแสนครอบครัวทั่วฉนวนกาซาเลวร้ายลงไปอีก เนื่องจากอิสราเอลยังคงขัดขวางการส่งเต็นท์และสิ่งของจำเป็นอื่นๆ ไปยังดินแดนที่ถูกปิดล้อม
กลุ่มด้านมนุษยธรรมออกมาเตือนมาหลายสัปดาห์แล้วว่าชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ในค่ายเต็นท์และที่พักชั่วคราวอื่นๆ ไม่มีสิ่งที่จำเป็นในการต้านทานสภาพอากาศอันร้อนระอุในฤดูหนาวของพื้นที่ชายฝั่งทะเลแห่งนี้
หลายคนต้องอพยพหลายครั้งเนื่องมาจากการโจมตีฉนวนกาซาของอิสราเอลเป็นเวลานาน 2 ปี ซึ่งทำให้โครงสร้างอาคารมากกว่า 198,000 แห่งทั่วฉนวนกาซาได้รับความเสียหายและพังทลาย ตามตัวเลขรายงานของสหประชาชาติ
“ฉันร้องไห้มาตั้งแต่เช้าแล้ว” มารดาของลูกสองคนที่ต้องอพยพออกจากเมืองกาซา กล่าวกับสำนักข่าวอัลญะซีเราะห์ เมื่อวันเสาร์ โดยชี้ไปที่เต็นท์ของครอบครัวเธอที่ถูกน้ำท่วมเนื่องมาจากฝนตกหนักในช่วงกลางคืน
หญิงรายดังกล่าวซึ่งไม่ได้ระบุชื่อ กล่าวว่า เธอกำลังดิ้นรนเพื่อหาเลี้ยงลูกๆ หลังจากที่สมาชิกในครอบครัวของเธอหลายคน รวมถึงสามีของเธอ ถูกฆ่าตายในสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของอิสราเอล ซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนตุลาคม 2023
“ฉันขอความช่วยเหลือเรื่องหาเต็นท์ที่เหมาะสม ที่นอน และผ้าห่ม ฉันอยากให้ลูกๆ มีเสื้อผ้าที่เหมาะสม” เธอกล่าว “ฉันไม่มีใครให้พึ่งพา… ไม่มีใครช่วยฉันเลย”
สหประชาชาติและกลุ่มด้านมนุษยธรรมอื่นๆ เรียกร้องให้อิสราเอลยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมดในการให้ความช่วยเหลือแก่ฉนวนกาซา ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 69,000 รายในช่วงสงครามของอิสราเอลนานกว่า 2 ปี
แต่รัฐบาลอิสราเอลยังคงใช้มาตรการจำกัดอย่างเข้มงวดต่อการไหลเวียนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮามาสของปาเลสไตน์ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมก็ตาม
กลุ่มให้ความช่วยเหลือกล่าวเมื่อต้นเดือนนี้ว่าครอบครัวชาวปาเลสไตน์ประมาณ 260,000 ครอบครัวในฉนวนกาซา หรือประมาณ 1.5 ล้านคน ตกอยู่ในภาวะเปราะบางในช่วงฤดูหนาวที่อากาศหนาวเย็นกำลังใกล้เข้ามา
‘ความทุกข์ทับบนความทุกข์’
ในขณะเดียวกันหน่วยงานช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ของสหประชาชาติ (UNRWA) กล่าวว่ามีที่พักพิงเพียงพอที่จะช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ได้มากถึง 1.3 ล้านคน แต่ไม่สามารถนำพวกเขาเข้าไปในฉนวนกาซาได้เนื่องจากข้อจำกัดของอิสราเอล
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ฟิลิป ลาซซารินี หัวหน้า UNRWA กล่าวว่าการส่งมอบมีความสำคัญมากกว่าที่เคย เนื่องจากฤดูหนาวปีนี้ตรงกับช่วงวิกฤตการอพยพในฉนวนกาซา
“ในกาซาทั้งหนาวและเปียกชื้น ผู้คนพลัดถิ่นกำลังเผชิญกับฤดูหนาวที่โหดร้าย โดยไม่มีสิ่งจำเป็นพื้นฐานเพื่อปกป้องพวกเขาจากฝนและความหนาวเย็น” เขากล่าวในโพสต์โซเชียลมีเดีย
ลาซซารินีกล่าวถึงการสูญเสียด้านมนุษยธรรมว่าเป็น “ความทุกข์ยากซ้ำแล้วซ้ำเล่า” และตั้งข้อสังเกตว่าที่พักพิงที่เปราะบางของกาซา “ถูกน้ำท่วมอย่างรวดเร็วจนข้าวของของผู้คนเปียกโชก”
“ประชาชนต้องการที่พักพิงเพิ่มเติมอย่างเร่งด่วน” เขากล่าวเสริม
รายงานจากเมืองอัซ-ซูเวย์ดาในใจกลางฉนวนกาซา ฮินด์ คูดารี ผู้สื่อข่าวอัลญะซีเราะห์ กล่าวว่า ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องอยู่ในเต็นท์ที่ถูกน้ำท่วมและทรุดโทรม เนื่องจากชุมชนของพวกเขาถูกทำลายโดยอิสราเอล และที่พักพิงก็เต็มไปหมด
“พ่อแม่ไม่สามารถซื้อเสื้อผ้า รองเท้า และรองเท้าแตะให้ลูกๆ ในฤดูหนาวได้” เธอกล่าว “ครอบครัวถูกทิ้งให้อยู่ลำพัง ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร”
เมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ กองทัพอิสราเอลได้ยิงพลุสัญญาณในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองคานยูนิส แหล่งข่าวในฉนวนกาซาตอนใต้เปิดเผยกับอัลญะซีเราะห์ กองทัพอิสราเอลมักจะยิงพลุสัญญาณเพื่อชี้ตำแหน่งของข้าศึกและบ่งชี้ถึงการโจมตีที่กำลังเข้ามา
ก่อนหน้านี้ อิสราเอลได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศภายในเขต “เส้นสีเหลือง” ของการหยุดยิงในฉนวนกาซา ใกล้กับเมืองคานยูนิส รวมถึงเมืองกาซาทางตอนเหนือด้วย
