ผู้นำกลุ่ม อัน-นุสเราะห์ ฟรอนท์ ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของกลุ่มต่อต้านในซีเรีย และเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่รัสเซียเปิดฉากทิ้งระเบิดปูพรมใส่พื้นที่ได้เรียกร้องให้บรรดานักรบโจมตีฐานที่มั่นของชีอะห์อลาวียะห์ ซึ่งเป็นเชื้อสายเดียวกับบาชาร์ อัล-อัสซาดผู้นำมือเปื้อนเลือดของซีเรีย หลังชีอะห์ชีเป้าเครื่องบินรัสเซียทิ้งระเบิดโจมตีชุมชนมุสลิมต่อเนื่อง
ข้อความเสียงจาก อบู มูฮัมหมัด อัล-โจลานี ที่ถูกโพสต์ลงบนเว็บไซต์ยูทิวบ์ ระบุว่า ปฏิบัติการแทรกแซงทางทหารของรัสเซียตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว มีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องความอยู่รอดของระบอบอัสซาด แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีวันสำเร็จ เช่นเดียวกับการสนับสนุนทางทหารจากอิหร่านและกลุ่มฮิซบุลลาตในเลบานอนที่ไร้ผลมาแล้ว
“ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยกระดับการต่อสู้ และทำลายเมืองและหมู่บ้านของพวกชีอะห์อลาวียะห์ในลาตาเกีย ข้าพเจ้าขอให้พวกเราทุกฝ่ายยิงจรวดใส่หมู่บ้านของพวกมันวันละเป็นร้อยๆ ลูก เหมือนที่พวกมันทำกับหมู่บ้านและเมืองของชาวมุสลิม” โกลานีกล่าว
ปฏิบัติการทิ้งระเบิดของรัสเซียยิ่งเข้มข้นขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยมอสโกอ้างว่าสามารถทำลายฐานที่มั่นของกลุ่ม ISIL ในซีเรียได้หลายจุด ทั้งคลังกระสุนปืน ค่ายฝึกนักรบ รวมถึงค่ายทหาร ขณะที่แหล่งข่าวในซีเรียยืนยันว่าเป้าหมายส่วนมากของการโจมตีทางอากาศเป็นพื้นที่ชุมชนมุสลิมภายใต้การคุ้มกันของฝ่ายต่อต้านซีเรีย
โกลานี ชี้ว่า เครื่องบินขับไล่รัสเซียพุ่งเป้าไปที่ฝ่ายต่อต้านอัสซาด เช่น ไจช์ อัล-ฟาเตี๊ยะห์ และกองกำลังอื่นๆ ที่กำลังต่อสู้กับกองทัพซีเรีย ส่วนเขตอิทธิพลของพวก ISIL จริงๆ แทบจะไม่ถูกแตะต้องเลย
“(รัสเซีย) รู้ดีว่าไอเอสไม่เป็นภัยคุกคามต่ออัสซาด เพราะดินแดนที่พวกนั้นยึดครองอยู่ไม่ได้ติดต่อกับเขตอิทธิพลของรัฐบาลซีเรีย ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่เครื่องบินรัสเซียมุ่งโจมตีเฉพาะฝ่ายที่ต่อสู้กับอัสซาดโดยตรงเท่านั้น”
“รัสเซียหวังใช้ปฎิบัติการในซีเรีย เป็นเครื่องมือต่อรองกับตะวันตกในกรณียูเครน” เขากล่าว
เขายังเปรียบเปรยการแทรกแซงของรัสเซียว่าเป็น “สงครามครูเสด” จากโลกตะวันออก ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ “เหล่ามุญาฮิดีนประสบชัยชนะอย่างต่อเนื่อง” จนเป็นภัยคุกคามต่อรัฐบาลอัสซาด
เขายังได้เรียกร้องให้ทุกกลุ่มสงวนความต่างและร่วมมือกันโดยระบุ “พักข้อโต้แย้งต่างๆ ไว้ก่อนจนกว่าพวกนักรบศักดิ์สิทธิชาวตะวันตกและปฏิบัติการของรัสเซียบนแผ่นดินซีเรียจะสิ้นสุดและถูกบดขยี้”
“สงครามในดินแดนชาม (ซีเรีย) จะทำให้รัสเซียต้องลืมความหวาดผวาที่พวกเขาเคยพบเจอในอัฟกานิสถาน การรุกรานครั้งนี้จะเป็นการระดมสรรพอาวุธครั้งสุดท้ายของพวกศัตรูแห่งชาวมุสลิม และศัตรูแห่งซีเรีย”
“รัฐบาลรัสเซียคิดหรือว่า แค่เครื่องบินไม่กี่ลำกับปืนไม่กี่กระบอกจะช่วยให้กองทัพซีเรีย และ บาชาร์ อัล-อัสซาด อยู่รอดต่อไปได้” โกลานี กล่าว
“สิ่งที่รัสเซียทำจนถึงทุกวันนี้ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากการโจมตีแบบไม่เลือก เหมือนที่รัฐบาลซีเรียเคยทำมาก่อน… และท้ายที่สุดพวกเขาจะต้องประสบกับความพ่ายแพ้ที่หน้าประตูเมืองดามัสกัส”
และยังได้เรียกร้องให้มุญาฮิดีนแถบคอเคซัสลุกขึ้นมาตอบโต้การคุกคามของรัสเซียด้วย “หากกองทัพรัสเซียฆ่าประชาชนชาวซีเรีย ดังนั้นจงฆ่าประชาชนของพวกเขา และหากพวกเขาฆ่าทหารของเรา ดังนั้นก็จงฆ่าทหารของพวกเขา แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน”
นอกจากนี้ยังได้ประกาศให้รางวัลนำจับ 3 ล้านยูโรสำหรับผู้ที่สามารถกับกุมบาชาร์ อัล-อัสซาดได้ และรางวัล 2 ล้านยูโร สำหรับผู้ที่จับกุมฮาซัน นัสรุลลอฮฺ แกนนำฮิสบุลลาตได้ ทั้งเป็นและตายด้วย
