ระเบิดฆ่าตัวตาย 3 ครั้งซ้อนบนเกาะกลางทะเลสาบชาด ชาวบ้าน 27 รายเสียชีวิต

มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 ราย และได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 80 รายในวันเสาร์ (5 ธันวาคม) หลังเกิดเหตุโจมตีด้วยระเบิดฆ่าตัวตาย 3 ครั้งบนเกาะลูลู ฟูในเขต “ทะเลสาบชาด”

รายงานซึ่งอ้างแหล่งข่าวด้านความมั่นคงในเมืองหลวงของชาดระบุว่า มือระเบิดฆ่าตัวตายจำนวน 3 ราย ได้จุดชนวนระเบิดที่ผูกติดไว้กับตัวเองในเวลาไล่เลี่ยกัน 3 จุด บริเวณตลาดนัดรายสัปดาห์แห่งหนึ่งบนเกาะลูลู ฟูในทะเลสาบชาด เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 30 รายซึ่งนับรวมมือระเบิดทั้งสามคนแล้ว และยังมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บอีกไม่ต่ำกว่า 80 ราย

เหตุโจมตีโดยมือระเบิดฆ่าตัวตายล่าสุด ถือเป็นความท้าทายสำคัญด้านความมั่นคงสำหรับทางการชาด หลังจากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลชาดเพิ่งประกาศภาวะฉุกเฉิน ครอบคลุมพื้นที่โดยรอบทะเลสาบชาดเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากที่พื้นที่โดยรอบทะเลสาบนี้ซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกับไนจีเรีย แคเมอรูน และไนเจอร์ กลายเป็นพื้นที่ที่มักตกเป็นเป้าการโจมตีจากกลุ่ม “โบโก ฮารัม” ที่ได้ประกาศสวามิภักดิ์ต่อกลุ่ม ISIL ที่มีฐานอยู่ในซีเรียและอิรัก

ตลอดระยะเวลาหลายเดือนมานี้ กลุ่มโบโก ฮารัมได้ยกระดับการโจมตี โดยเฉพาะการโจมตีด้วยมือระเบิดฆ่าตัวตายต่อหมู่บ้านหลายแห่งในเขตชาด บริเวณรอยต่อพรมแดนด้านที่ติดต่อกับไนจีเรีย และการโจมตีที่นองเลือดที่สุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากที่มือระเบิดฆ่าตัวตาย 3 รายทำการโจมตีที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 41 รายที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตบากา โซลาของชาด

นับตั้งแต่เริ่มปี 2015 เป็นต้นมา กองทัพชาดได้เป็นแกนนำกองกำลังผสมของประเทศในภูมิภาค ในการเปิดปฏิบัติการทางทหารต่อสู้กับกลุ่มโบโก ฮารัมที่แต่เดิมมีฐานที่มั่นอยู่ในไนจีเรีย แต่เริ่มขยายวงก่อความรุนแรงไปสู่ประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบ ในระยะหลัง

เมื่อ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาเพิ่งเกิดเหตุโจมตีโดยฝีมือกลุ่มโบโก ฮารัมภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไนเจอร์ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย ขณะที่บ้านเรือนของประชาชนถูกกลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้ เผาจนวอดไปเกือบ 100 หลังคาเรือน

ขณะที่เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 22 พฤศจิกายน เกิดเหตุโจมตีโดยมือระเบิดฆ่าตัวตายที่เป็นเด็กผู้หญิง ซึ่งคาดว่าจะเป็นสมาชิกกลุ่มโบโก ฮารัมในเมืองไมดูกูรีของไนจีเรียเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 ราย ซึ่งยังไม่ได้นับรวมกับมือระเบิด

ที่ผ่านมาการจัดตั้งกองกำลังผสมของชาติในแอฟริกาตะวันตก เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากกลุ่มโบโก ฮารัมนั้น มีอันต้องเผชิญกับอุปสรรคสำคัญ นั่นคือการขาดงบประมาณสนับสนุน และทำให้การเดินหน้าปราบปรามกลุ่มหัวรุนแรงนี้มีอันต้องถูกเลื่อนออกไป

ทั้งนี้ เหตุรุนแรงที่ก่อโดยกลุ่มโบโก ฮารัมซึ่งดำเนินมานานกว่า 6 ปีนับตั้งแต่ปี 2009 ได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วไม่น้อยกว่า 20,000 ราย ขณะที่ประชาชนอีกเกือบ 20 ล้านคนต้องอพยพหนีตายออกจากบ้านเรือนของตัวเอง โดยในระยะหลังกลุ่มโบโก ฮารัม ซึ่งแต่เดิมต้องการสถาปนาตนเองเป็นคอลีฟะห์ในพื้นที่ภาคเหนือของไนจีเรีย ได้เริ่มข้ามเขตแดนไปก่อเหตุรุนแรงในประเทศไนเจอร์ แคเมอรูน และชาดอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนประกาศสวามิภักดิ์ต่อกลุ่ม ISIL ในซีเรียและอิรัก ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา

d8443

ความคิดเห็น

comments