สื่อท้องถิ่นซาอุดิอาระเบียรายงานเมื่อวันจันทร์ที่(18)ผ่านมา ระบุว่า ในขณะนี้ซาอุดิอาระเบียได้รับหน้าที่ในการดูแลผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย 2.5 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในซาอุดิอาระเบีย โดยได้รับสวัสดิการเหมือนกับชาวซาอุดิอาระเบียในการเรียนฟรี และการรักษาพยาบาลฟรี
ทางการซาอุดิอาระเบียได้ปฎิบัติต่อชาวซีเรียอย่างระมัดระวังที่จะไม่นำพวกเขาไปกักไว้ในค่ายลี้ภัย แต่ทางการซาอุดิอาระเบียได้คำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพวกเขาในการให้เสรีภาพในการเดินทางของพวกเขาในซาอุดิอาระเบีย
เจ้าหน้าที่ได้ตัดสินใจที่จะไม่ดำเนินการใดๆ ต่อชาวซีเรียแม้ว่าหนังสือเดินทางจะหมดอายุ โดยมีการออกกฏหมายใหม่เมื่อเร็วๆ นี้ในการยกเว้นสำหรับชาวซีเรียที่ละเมิดกฎหมายคนเข้าเมือง เพราะหากพวกเขาถูกส่งกลับประเทศพวกเขาจะถูกจับ และถูกทรมารในประเทศของเขา
ขณะที่ในปี 2012 ได้มีการออกกฤษฎีกาที่ระบุให้เด็กชาวซีเรียทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรสามารถเข้าเรียนได้ในโรงเรียนของทางการซาอุดิอาระเบียฟรี โดยพบว่าการดำเนินการตามโครงการ Sakinah นี้พบว่ามีนักเรียนชาวซีเรีย 130,000 คนเข้าเรียนในโรงเรียนซาอุดิอาระเบีย
นอกจากนี้กฎหมายดังกล่าวยังได้ออกมาเพื่อเด็กชาวซีเรียทุกคนที่ปราศจากโอกาสในการเรียนในประเทศของเขาจากผลของสงคราม โดยคณะกรรมการดังกล่าวยังทำหน้าที่ในการติดตามผลการดำเนินการดังกล่าวอย่างใกล้ชิดกับเด็กๆ ชาวซีเรียอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีกฤษฎีกาอีกฉบับที่เปิดโอกาสให้ในการเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยได้อีกด้วย
ขณะที่กฤษฎีกาในด้านแรงงานยังเปิดโอกาสให้ชาวซีเรียได้เข้าทำงานในสถานประกอบการของซาอุดิอาระเบีย เพื่อฝึกฝนทักษะของพวกเขาในการทำงานได้อีกด้วย
ในด้านสุขภาพได้มีการออกกฤษฎีกาเพื่อให้มั่นใจว่าชาวซีเรียทุกคนจะได้รับการดูแลด้านสุขภาพในสถานพยาบาลของรัฐ โดยทางการจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ทางการซาอุดิอาระเบียระบุว่า ได้ดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่าพี่น้องชาวมุสลิมได้พบกับความสุข ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มาจากพม่า เติร์กิสถาน หรือปาเลสไตน์
