สัมพันธ์แน่นปึก อิหร่านบรรลุข้อตกลงใช้ประโยชน์ท่าเรือใหญ่สุดของโอมาน

สันพันธ์แน่นปึก “อิหร่าน-โอมาน” หลังบรรลุข้อตกลงให้อิหร่านเข้าใช้ประโยชน์จากท่าเรือซาลาลาห์ซึ่งได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดของโอมานในวันอังคารที่ (8 มีนาคม) ผ่านมารองรับการขยายตัวของการส่งออกสินค้า-น้ำมันสู่ตลาดโลก

การเข้าถึงท่าเรือซาลาลาห์ในโอมานถูกระบุว่า จะเป็นการแก้ปัญหาเชิงยุทธศาสตร์ให้กับอิหร่าน ที่ในปัจจุบันพยายามขยายอิทธิพลคุกคามชาติเพื่อนบ้านในอ่าวอาหรับ โดยเฉพาะสถานการณ์ในเยเมนที่อิหร่านหนุนหลังกลุ่มกบฎชีอะห์อัลฮูธีย์ โดยมีการจับอาวุธที่ลับลอบส่งมาจากอิหร่านในน่านน้ำโอมานได้บ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมา

ผลพวงจากการที่อิหร่านเข้าใช้ท่าเรือในเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งมากกว่าการเข้าใช้เชิงพาณิย์ จะทำให้อิหร่านสามารถครองพื้นที่ปากอ่าวอาหรับทั้งหมด เนื่องจากโอมานถือเป็นประเทศที่อยู่ตรงข้ามทางทะเลกับอิหร่านในอ่าวอาหรับ

รายงานข่าวระบุว่า ท่าเรือซาลาลาห์ของโอมานถือเป็นหนึ่งในท่าเรือเชิงพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยในปีที่แล้วท่าเรือแห่งนี้รองรับการขนส่งสินค้าได้มากถึง 12.6 ล้านตัน ตามข้อมูลของสำนักข่าวรอยเตอร์

ความเคลื่อนไหวล่าสุดมีขึ้นในจังหวะเวลาเดียวกับที่บรรดาผู้นำรัฐบาลและภาคเอกชนจากทั่วโลกกำลังให้ความสนใจในการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับอิหร่านโดยไม่สนใจต่อการละเมิดข้อตกลงในโครงการพัฒนานิวเคลียร์ที่อิหร่านทำไว้กับสหประชาชาติหรือไม่

ทั้งนี้ อิหร่านและมหาอำนาจทั้ง 6 ชาติ (กลุ่ม P5+1) ซึ่งประกอบไปด้วย 5 ชาติ “สมาชิกถาวร” ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ คือ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย และสาธารณรัฐประชาชนจีน บวกกับเยอรมนีประเทศมหาอำนาจจากฝั่งยุโรป สามารถบรรลุความตกลงครั้งประวัติศาสตร์ทางด้านนิวเคลียร์กันได้เมื่อ 14 กรกฎาคมปีที่แล้ว ถือเป็นการปิดฉากการเจรจาแบบมาราธอนที่ใช้เวลายาวนานกว่า 1 ทศวรรษ และถือเป็นข้อตกลงซึ่งพลิกโฉมการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคตะวันออกกลางครั้งใหญ่

หลังการบรรลุข้อตกลงดังกล่าว ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯ ออกมาแถลงยกย่องว่า นี่ถือเป็นก้าวย่างสำคัญไปสู่โลกแห่งความหวังที่เพิ่มสูงขึ้น และตอกย้ำในเวลาต่อมาว่าข้อตกลงประวัติศาสตร์นี้ถือเป็นแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันทางอาวุธนิวเคลียร์ และลดทอนความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลาง

ขณะที่ประธานาธิบดี ฮัสซัน รูฮานี ผู้นำสายกลางของอิหร่าน แถลงว่า ความสำเร็จในการบรรลุข้อตกลงด้านนิวเคลียร์ครั้งนี้ถือเป็นข้อพิสูจน์ว่าการมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันอย่างสร้างสรรค์เป็นสิ่งที่ได้ผลดียิ่ง และยอมรับว่าในความเป็นจริงหากการเผชิญหน้ากันอย่างศัตรูระหว่างวอชิงตันกับเตหะรานยังดำเนินอยู่ต่อไปก็คงไม่มีความเป็นไปได้แม้แต่น้อยที่ข้อตกลงเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม ในเดือนตุลาคมอิหร่านได้มีการทดลองขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ อีมัด ซึ่งรายงานของสหประชาชาติระบุว่าเป็นการทดลองที่ขัดต่อข้อตกลงนิวเคลียร์ แต่กลับไม่ถูกชาติมหาอำนาจทวงถามหรือให้ความสำคัญต่อการละเมิดข้อตกลงดังกล่าวทั้งข้อตกลงดังกล่าวยังมีผลจนถึงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ขณะที่สหรัฐทำเพียงแค่การประกาศบอยคอตเฉพาะบริษัท และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทดลองเพียงไม่กี่รายเท่านั้น และส่วนมากไม่ใช่บริษัทในอิหร่าน

ด้านสำนักข่าวไออาร์เอ็นเอของทางการอิหร่านรายงานว่า ผลของข้อตกลงนี้จะทำให้อิหร่านได้รับเงินนับหมื่นล้านดอลลาร์ที่ถูกอายัดไว้กลับคืนมา ขณะที่บรรดามาตรการคว่ำบาตรที่มีต่อธนาคารกลาง บริษัทน้ำมันแห่งชาติ บริษัทชิปปิ้ง และสายการบินของอิหร่านได้ถูกยกเลิก ถึงแม้มาตรการขององค์การสหประชาชาติในเรื่องการคว่ำบาตร ห้ามซื้อขายอาวุธกับอิหร่านจะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปอีก 5 ปี และห้ามอิหร่านจัดซื้อเทคโนโลยีด้านขีปนาวุธอีกนาน 8 ปี แต่ในความเป็นจริงเมื่อต้นปีที่ผ่านมารัสเซียก็เพิ่งส่งอาวุธล็อตใหญ่ที่เป็นระบบยิงขีปนาวุธ s-300 ให้กับอิหร่าน ทั้งที่เป็นสิ่งต้องห้ามตามข้อตกลงดังกล่าวก็ตาม

ความคิดเห็น

comments