ทรัมป์ขู่ “จลาจล” ถ้าพรรคไม่ส่งลงชิงปธน.สหรัฐ

มหาเศรษฐี โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่กลุ่มผู้มีอำนาจในพรรครีพับลิกันให้ระวังเกิด “จลาจล” หากพยายามขัดขวางตนไม่ให้เป็นผู้แทนพรรค ซ้ำยังปฏิเสธที่จะร่วมประชันวิสัยทัศน์กับผู้สมัครรีพับลิกันคนอื่นๆ ที่รัฐยูทาห์ในสัปดาห์หน้า จนทำให้การดีเบตต้องถูกยกเลิก

นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากนิวยอร์กผู้นี้เพิ่งจะกวาดชัยชนะในการหยั่งเสียงแบบไพรมารีที่รัฐฟลอริดา อิลลินอยส์ และนอร์ทแคโรไลนา เมื่อวันอังคาร (15) ซึ่งทำให้จำนวนผู้แทนออกเสียงของทรัมป์เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 673 คนในเวลานี้

ทั้งนี้ หากทรัมป์กวาดผู้แทนออกเสียงได้ทะลุเป้า 1,237 คน จะทำให้เขาคว้าตำแหน่งผู้แทนพรรคในการประชุมใหญ่ของรีพับลิกันในเดือน กรกฎาคมนี้ อย่างไม่มีโอกาสพลิกโผ

ทรัมป์ยังอ้างชัยชนะที่รัฐมิสซูรี แต่ก็ไปพ่ายให้แก่ จอห์น เคสิก ที่รัฐสำคัญอย่างโอไฮโอ ซึ่งทำให้บรรดาแกนนำพรรครีพับลิกันใจชื้นขึ้นมาบ้างว่า ยังพอมีโอกาสสกัดมหาเศรษฐีปากเสียไม่ให้ได้เป็นตัวแทนพรรคลงชิงชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ได้

ในกรณีที่ทรัมป์ได้ผู้แทนออกเสียงไม่ถึง 1,237 คน กลุ่มรีพับลิกัน เอสแทบลิชเมนต์ ก็จะมีสิทธิ์เสนอชื่อบุคคลอื่นเข้าชิงในการประชุมใหญ่ของพรรคที่เมืองคลีฟแลนด์ ซึ่งจะเป็นการโหวตเลือกตัวแทนพรรคอย่างเป็นทางการ

ระหว่างให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นเมื่อวันพุธ (16) ทรัมป์เตือนผู้นำรีพับลิกันว่าไม่ควรคิดปิดกั้นเขา ต่อให้ได้ตัวแทนออกเสียงไม่ถึง 1,237 คนก็ตาม

“คุณพูดไม่ได้หรอกว่าผมจะพลาดตำแหน่งผู้แทนพรรคโดยอัตโนมัติ ถ้าเป็นอย่างนั้นผมว่าเกิดจลาจลแน่นอน.. จะต้องมีจลาจลอย่างแน่นอน เพราะผมเป็นตัวแทนของชาวอเมริกันอีกหลายล้านคน” ทรัมป์กล่าว

ขณะที่กระบวนการเฟ้นหาผู้แทนพรรครีพับลิกันยังคงสับสนอลหม่าน ฮิลลารี คลินตัน ซึ่งเป็นเต็งหนึ่งของเดโมแครต ก็กวาดชัยชนะมาได้อีกอย่างน้อย 4 รัฐเมื่อวันอังคาร (15) และเก็บจำนวนผู้แทนออกเสียงได้แล้ว 1,606 คน ในขณะที่ ส.ว. เบอร์นี แซนเดอร์ส จากรัฐเวอร์มอนต์ซึ่งเป็นคู่แข่งเพียงคนเดียวของเธอเพิ่งจะได้มาเพียง 851 คน เวลานี้จึงเห็นแนวโน้มที่ค่อนข้างชัดเจนว่าคลินตันคงจะได้เป็นผู้แทนเดโมแครตลงชิงชัยในศึกทำเนียบขาวปลายปีนี้

ทรัมป์ขู่จะเนรเทศผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย 11 ล้านคนออกจากสหรัฐฯ ใช้นโยบายการค้าแบบกีดกัน สร้างกำแพงกั้นพรมแดนเม็กซิโก และห้ามชาวมุสลิมเดินทางเข้าอเมริกาชั่วคราว ซึ่งประเด็นทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผู้มีอำนาจในพรรครีพับลิกันรับไม่ได้ และพยายามทุกวิถีทางที่จะสกัดเขาไม่ให้ได้เป็นผู้แทนพรรค

สมาชิกอาวุโสของรีพับลิกันพยายามสยบคำขู่ “จลาจล” ของทรัมป์ โดย ฌอน สไปเซอร์ โฆษกคณะกรรมการพรรครีพับลิกันแห่งชาติ บอกกับซีเอ็นเอ็นว่า “ผมคิดว่าทรัมป์คงแค่ใช้โวหารอุปมาเท่านั้น”

เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ระหว่างการปราศรัยหาเสียงของทรัมป์ ทำให้ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ซึ่งเป็นผู้นำสายเดโมแครต รวมถึงผู้นำสายเมนสตรีมของรีพับลิกัน ฉวยโอกาสโจมตีมหาเศรษฐีผู้นี้ว่า ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำสหรัฐฯ คนต่อไป

ทรัมป์ ซึ่งเป็นอดีตพิธีกรรายการเรียลิตี ยังทำให้บรรดาผู้นำพรรครีพับลิกันปวดเศียรเวียนเกล้าหนักขึ้น ด้วยการประกาศว่าจะพึ่งวิสัยทัศน์ของตนเองในเรื่องนโยบายต่างประเทศ

“ผมจะคุยกับตัวเองเป็นอันดับแรก เพราะผมมีมันสมองที่ดีมาก” ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ในรายการ “มอร์นิ่ง โจ” ทางสถานีโทรทัศน์ MSNBC

“ผมรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ที่ปรึกษาเบอร์หนึ่งสำหรับผมก็คือ ตัวผมเอง”

ด้าน ส.ว.เท็ด ครูซ จากรัฐเทกซัส ผู้สมัครหัวอนุรักษนิยมสาย “รากหญ้า” ซึ่งไม่ใช่ตัวเลือกที่รีพับลิกัน เอสแทบลิชเมนต์ พอใจนัก แต่กลับเป็นคู่แข่งที่สูสีกับทรัมป์มากที่สุดในเวลานี้ ก็เตือนบรรดาแกนนำพรรคให้ระวังปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรุนแรง หากขืนใช้กลยุทธ์ “brokered convention” เทคะแนนสนับสนุนบุคคลอื่นในการประชุมใหญ่ของพรรคเดือน ก.ค. นี้

“ผมเกรงว่ามันจะกลายเป็นหายนะอย่างเต็มรูปแบบ ประชาชนมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะออกมาคัดค้าน” ครูซให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็น

ความพยายามของรีพับลิกัน เอสแทบลิชเมนต์ ที่จะหยุดทรัมป์ในตอนนี้อาจดูสายเกินไปสักหน่อย เนื่องจากเหลือผู้สมัครที่แข่งขันกันอยู่เพียง 3 คน คือ ทรัมป์ วัย 69 ปี, ครูซ วัย 45 ปี และ คาสิก วัย 63 ปี

ทรัมป์ปฏิเสธที่จะไปร่วมการดีเบตของรีพับลิกันที่เมืองซอลต์เลคซิตี รัฐยูทาห์ ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ (21) โดยอ้างว่าติดปาฐกถาให้กับการประชุมคณะกรรมการกิจการสาธารณะอเมริกัน-อิสราเอล (AIPAC) ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

ด้าน คาสิก เมื่อทราบว่าจะไม่มีเต็งหนึ่งอย่างทรัมป์มาขึ้นเวทีดีเบตก็ได้ขอถอนตัวเช่นกัน ทำให้สำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์ซึ่งเป็นโฮสต์ของการดีเบตครั้งนี้ตัดสินใจยกเลิกงานไปโดยปริยาย

ความคิดเห็น

comments