‘ยิงชาลี’ ทำสื่อที่กำลังเจ๊งเป็นเศรษฐี ขณะมุสลิมยุโรปถูกโจมตีเพิ่ม

จากเหตุการณ์คนร้ายบุกกราดยิงสำนักงานหนังสือพิมพ์เสียดสี ดูหมิ่น สร้างความแตกแยกในสังคมฝรั่งเศส ที่ดำเนินงานมากกว่า 44 ปี จนมีผู้เสียชีวิต 12 คน พร้อมกับข้อสรุปของสื่อมวลชนถึงมูลเหตุในการก่อเหตุทั้งที่ข้อเท็จจริงยังไม่ชัดเจน ส่งผลให้สำนักพิมพ์ที่กำลังจะยื่นขอล้มละลาย กลายเป็นมหาเศรษฐีชั่วข้ามคืน ในขณะที่ชาวมุสลิมในยุโรปโดยเฉพาะที่ฝรั่งเศส แค่หนึ่งสัปดาห์ถูกโจมตีไม่น้อยกว่า 50 ครั้ง

หลังจากเหตุการณ์โจมตีสำนักงานหนังสือพิมพ์ชาลีแอบโด ทำให้สื่อนอกกระแสพากันตั้งข้อสงสัยถึงเหตุที่เกิดขึ้นกับประเทศที่มีระบบรักษาความปลอดภัยชั้นยอดอย่างฝรั่งเศส ที่ถ้าหากมีการโจมตีเกิดขึ้นรุนแรง และหนีได้ง่ายเพียงนี้ในฝรั่งเศสจริง ประเทศนี้คงถูกฝ่ายตรงข้ามยึดได้โดยไม่ยาก

ข้อสังเกตุต่างๆ รวมไปถึงการจ่อยิงตำรวจบนถนน แต่ไม่มีเลือดที่ออกจากศพ ทั้งที่รายงานข่าวระบุว่า ตำรวจ 2 รายเสียชีวิต และอาวุธปืนที่คนร้ายใช้เป็นอาวุธสงครามที่สามารถเจาะทะลุเสื่อเกราะธรรมดาได้

การหลบหนีอย่างง่ายดายหลังจากก่อเหตุ และอีกหลายข้อสงสัยรวมไปถึงการที่สำนักงานหนังสือพิมพ์ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดจะเข้าออกต้องมีรหัสผ่าน มีเจ้าหน้าที่คอยคุ้มกันแน่นหนา และจะประชุมข่าวเพียงสัปดาห์ละครั้งซึ่งจะมีแต่คนภายในเท่านั้นที่รู้ แต่คนร้ายที่ก่อเหตุสามารถรู้ความเคลื่อนไหวทั้งหมดของ ชาลีแอบโด เข้าสำนักงานโดยไม่ทำความเสียหายกับประตูทางเข้า เพราะมีพนักงานหญิงท่านหนึ่งของ ชาลีคอยเปิดประตูให้ โดยอ้างว่าลูกสาวถูกขู่ฆ่าจนต้องทำ

รวมถึงเห็นการณ์ในการบุกยิงที่มีการเรียกชื่อก่อนแล้วค่อยยิงเพื่อไม่ให้ผิดตัวในระหว่างที่กำลังประชุมโต๊ะข่าว แต่ผู้รอดชีวิตอ้างว่านึกว่าเป็นเรื่องล้อเล่น แต่คิดได้ว่าเป็นเรื่องจริงเมื่อได้กลิ่นคาวเลือด และเขม่าดินปืน และบอกอีกว่าหลังจากยิงบก.แล้วมือปืนก็ยิงใส่คนอื่นๆ ทันที แต่กระนั้นก็ตามก็ยังมีนักข่าวบอกคนของชาลี มีเวลาเหลือพอที่จะไปแอบอยู่บนหลังคาสำนักงานได้โดยปลอดภัย

แม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะยังมีข้อสงสัยมากมาย แต่สื่อต่างๆ พากันสรุปมูลเหตุในการก่อเหตุไปเรียบร้อยแล้ว โดยอ้างว่าผู้ก่อเหตุดำเนินการเพื่อแก้แค้นที่สำนักพิมพ์ดังกล่าว เคยตีพิมพ์ภาพการ์ตูนดูหมิ่นท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลั๊ลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ทั้งที่ความจริงหนังสือพิมพ์ดังกล่าวดูหมิ่นเกือบทุกศาสนา แต่ไม่พบรายงานการเขียนการ์ตูนดูหมิ่นศาสนายูดาย ทั้งที่มีชาวยิวอยู่ในฝรั่งเศสจำนวนมากเช่นกัน และหนังสือพิมพ์ดังกล่าวยังดูหมิ่นบุคคลต่างๆ ทั่วไป จนทำให้เป็นกรณีพิพาทกับคนดังในสังคมโลกทั่วไปด้วย ไม่เว้นแม้ผู้นำไอเอส

ขณะที่ข้อมูลผู้ก่อเหตุก็ยังอยู่กับความสับสน เนื่องจากข้อมูลข่าวกรองตะวันตก รวมถึงฝรั่งเศสออกมาระบุว่า ผู้ลงมือเป็นสมาชิกกลุ่มอัลกออิดะห์ในเยเมน ในขณะที่ตัวผู้ก่อเหตุเป็นชาวแอฟริกา และกลุ่มนักรบในแอฟริกาก็ออกมาอ้างว่านี่คือการเตือนถ้าฝรั่งเศสยังไม่ถอนทหารจากแอฟริกา ขณะเดียวกันหนึ่งในผู้ถูกระบุว่าเป็นผู้ก่อเหตุที่ต่อเนื่องกันในการบุกโจมตีร้านค้าชาวยิวในฝรั่งเศสก็อ้างว่าตนเองเป็นสมาชิกไอเอส ขณะที่ฝรั่งเศสได้ออกหมายจับทั้งผู้ก่อเหตุ และภรรยาว่าเป็นผู้ร่วมก่อเหตุ ทั้งที่สตรีผู้ที่ถูกระบุว่าเป็นภรรยาผู้ก่อเหตุเดินทางเข้าตุรกีตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุถึงหนึ่งสัปดาห์ รวมถึงข้อมูลประวัติอาชญากรรมที่พบว่าตัวผู้ถูกระบุว่าเป็นผู้ก่อเหตุเพื่อแก้แค้นให้กับอิสลามอันบริสุทธิ์กลับมีประวัติอาชญากรรมติดตัว เคยถูกดำเนินคดีหลายครั้งด้วย

แม้ว่าทุกอย่างในเหตุการโจมตีในฝรั่งเศสยังไม่ชัดเจน แต่เหตุการณ์นี้ก็ช่วยให้ ชาลีแอบโดที่กำลังล้มละลาย กลายเป็นมหาเศรษฐีในชั่วข้ามคืน กับยอดพิมพ์ปกติที่ 60,000 ฉบับ แต่ยอดพิมพ์ฉบับล่าสุดที่มีหน้าปกระบุว่าเป็นการดูหมิ่นท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลั๊ลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม มียอดพิมพ์แล้ว 5 ล้านฉบับ แปลเป็นหลายภาษาส่งขายไปกว่า 25 ประเทศทั่วโลก และอาจต้องเพิ่มยอดพิมพ์อีก

และแม้ว่าทุกอย่างยังเต็มไปด้วยข้อสงสัย แต่การแสดงออกถึงความสงสัยก็ไม่สามารถทำได้โดยเปิดเผยเมื่อศิลปินตลกชาวฝรั่งเศสโพสข้อความล้อเลียนชาลีแอบโดแต่ถูกจับกุม และตัดสินจำคุก 7 ปีในเวลาการพิจารณาที่รวดเร็ว ด้วยข้อกล่าวหาว่าสนับสนุนการก่อการร้าย

ขณะที่ชาวมุสลิมในฝรั่งเศสต้องตกเป็นเป้าโจมตีโดยกลุ่มหัวรุนแรงเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 50 กรณีภายในหนึ่งสัปดาห์ ทั้งการยิงปืนข่มขู่ การขว้างระเบิด หรือแม้แต่การพ่นข้อความโจมตี เช่น

เหตุการณ์ที่เกิดใน Le Mans ทางตอนใต้ของฝรังเศส เมื่อคนร้ายขว้างระเบิดเข้าไปในสัมยิดทางตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส

การวางกำลังเจ้าหน้าที่ตรวจค้นผู้ที่จะเข้าไปละหมาดซุบฮิในมัสยิด วันรุ่งขึ้นหลังเกิดเหตุโจมตีชาลีแอบโด

ในเวลา 6.00 น.มีการขว้างระเบิดใส่ร้านเคบับของชาวมุสลิมที่อยู่ติดกับมัสยิดใน Villefranche-sur-Saône ทางตอนเหนือของ Lyon

มีกระสุนปืนถูกกราดยิงใส่มุศ็อลลา หรือพื้นที่สำหรับละหมาดของชาวมุสลิมใน Port-la-Nouvelle ทางใต้ของฝรั่งเศสในเวลา 20.00 น.ของวันพุธ

ขณะที่ในเย็นวันพุธ วันเดียวกับที่มีการโจมตีแอบโด ก็มีเหตุยิงครอบครัวชาวมุสลิมที่ลาดจอดรถใน Caromb ใกล้กับ Avignon

แม้ว่านักวิชาการ และแกนนำมุสลิมในพื้นที่ต่างๆ รวมถึงในฝรั่งเศส ได้ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการโจมตีชาลีแอบโด และผู้นำยุโรปต่างเรียกร้องให้มีความสามัคคีในชาติ รวมถึงผู้นำฝรั่งเศสที่ระบุว่าไม่ได้ทำสงครามกับมุสลิม แต่ทำสงครามกับผู้ก่อการร้ายทางศาสนา แต่กระนั้นผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชาวมุสลิมในยุโรปได้เกิดขึ้นแล้วอย่างรุนแรง

Nick Lowles นักรณรงค์ต่อต้านชนชั้นในกลุ่ม Hope Not Hate ออกมาระบุว่า “เราอย่าหลอกตัวเอง” โฉมหน้าใหม่ของการปะทะมันได้เกิดขึ้นแล้ว

เขาบอกอีกว่า “ภายใต้หน้ากากแห่งเสรีภาพในการพูด แต่มันก็มีแนวโนมที่จะแฝงไปด้วยความเกลียดชังที่พุ่งออกมา ที่กำลังจะลากพวกเราทุกคนไปติดอยู่ในกับดักแห่งความเกลียดชัง”

ด้าน Abderrahim Wajou ประธานสมาคมมุสลิมในภูมิภาคกล่าวถึงการโจมตีที่มีเป้าหมายต่อชาวมุสลิมในฝรั่งเศสในขณะนี้ว่า “เรากลัวว่าการกระทำเหล่านี้จะเพิ่มขึ้น”

ขณะที่ความรุนแรงต่อมุสลิมได้ขยายตัวไปยังพื้นที่ต่างๆ ในยุโรป

สวีเดน Mohammed El-Alti โฆษกของมัสยิด โกเทนเบิร์ก ระบุว่า เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา มัสยิดต้องอพยพพี่น้องที่มาร่วมละหมาดกว่า 120 คนออกจากมัสยิดถูกขู่วางระเบิด ขณะที่ก่อนหน้านี้ก็มีอย่างน้อย 3 มัสยิดถูกขว้างระเบิดเพลิง และการโจมตีอื่นๆ

ส่วนที่อิตาลี ทันทีหลังจากเกิดเหตุชาลีแอบโด ความต้องการของชาวมุสลิมที่จะมีมัสยิด หรือสถานที่ละหมาดในเมือง Padua ทางตอนเหนือของอิตาลี เป็นอันต้งพังทลายลง เมื่อนายกเทศมนตรีของเมืองประกาศไม่ออกใบอนุญาตในการก่อสร้างมัสยิด โดยระบุว่า “สภาเมืองจะไม่ยอมอนุญาตให้มีการก่อสร้างมัสยิด หรือสถานที่ละหมาดของชาวมุสลิม” ทั้งนี้อิตาลีมีมุสลิมอยู่ประมาณ 1.7 ล้านคน โดยมี 20,000 คน เป็นชาวอิตาลีที่เข้ารับอิสลามใหม่

i-News Daily 58-01-15-171m

ความคิดเห็น

comments

ใส่ความเห็น