จับชาวมาเลย์เป็นตัวประกัน ผู้นำเกาหลีเหนือสั่งห้ามออกนอกประเทศ

เกาหลีเหนือคลั่งสั่งห้ามชาวมาเลเซียที่พำนักอยู่ในเกาหลีเหนือเดินทางออกนอกประเทศวันอังคาร (7 มีนาคม) หลังเหตุการณ์สายลับเกาหลีเหนือก่อเหตุลอบสังหาร คิม จองนัม ในสนามบิน KL ส่งผลให้ความสัมพันธ์ทางการทูตเสื่อมทรามลงอย่างหนัก ขณะที่ผู้นำมาเลเซียชี้การกระทำดังกล่าวเท่ากับจับพลเมืองมาเลย์เป็นตัวประกัน และได้สั่งตอบโต้ทันทีด้วยการห้ามมิให้บุคลากรทางการทูตเกาหลีเหนือทุกคนเดินทางออกจากมาเลเซีย

คำสั่งของเกาหลีเหนือ ซึ่งนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค แห่งมาเลเซียออกมาระบุว่า “เท่ากับจับพลเมืองของเราเป็นตัวประกัน” เกิดขึ้นหลังทูตเกาหลีเหนือประจำมาเลเซียเพิ่งเดินทางออกจากประเทศมาเลเซียไปเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

“รัฐบาลเกาหลีเหนือตัดสินใจห้ามพลเมืองมาเลเซียที่อาศัยอยู่ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเดินทางออกนอกประเทศเป็นการชั่วคราว” สำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนืออ้างคำแถลงจากกระทรวงการต่างประเทศ

คำสั่งห้ามนี้จะมีผลบังคับ “จนกว่าสวัสดิภาพของนักการทูตและพลเมืองเกาหลีเหนือในมาเลเซียจะได้รับการรับรองอย่างสมบูรณ์แบบ และคดีที่เกิดขึ้นในมาเลเซียได้รับการคลี่คลายอย่างเป็นธรรม”

ทั้งนี้ นักการทูตและพลเมืองมาเลเซียที่พำนักอยู่ในเกาหลีเหนือยังสามารถ “ประกอบธุรกิจและใช้ชีวิตได้ตามปกติ” ระหว่างที่รัฐบาลบังคับใช้คำสั่งห้ามออกนอกประเทศ

รายงานระบุว่า ขณะนี้มีพลเมืองมาเลเซียอยู่ในเกาหลีเหนือเพียง 11 คน

นายกรัฐมนตรีนาจิบ ได้แถลงประณามคำสั่งของเกาหลีเหนือ โดยเรียกร้องให้เกาหลีเหนือปล่อยตัวพลเรือนมาเลเซียที่อยู่ในเกาหลีเหนือทั้งหมดในทันที พร้อมทั้งห้าม “พลเมืองเกาหลีเหนือทุกคนในมาเลเซีย” เดินทางออกนอกประเทศเช่นกัน ซึ่งนักวิเคราะห์ประเมินว่าน่าจะมีชาวเกาหลีเหนืออยู่ในมาเลเซียประมาณ 1,000 คน

ก่อนหน้านี้ กระทรวงมหาดไทยมาเลเซียระบุว่า มาตรการห้ามเดินทางนั้นมีผลบังคับเฉพาะกับ “บุคลากรสถานทูตเกาหลีเหนือ” เท่านั้น

“การกระทำอันชั่วร้ายเช่นนี้เท่ากับจับพลเมืองของเราเป็นตัวประกัน และแสดงให้เห็นว่าเกาหลีเหนือไม่เห็นกฎหมายระหว่างประเทศและธรรมเนียมการทูตอยู่ในสายตา” นาจิบกล่าว

“ในฐานะประเทศที่ใฝ่สันติ มาเลเซียพร้อมที่จะรักษาความสัมพันธ์อันดีกับทุกๆ ประเทศ อย่างไรก็ตาม การปกป้องสวัสดิภาพพลเมืองย่อมต้องมาเป็นอันดับแรก และเราจะใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นโดยไม่ลังเล เมื่อพวกเขาถูกคุกคาม”

ขณะที่รายงานข่าวแจ้งว่า มีรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียเข้าปิดกั้นบริเวณหน้าสถานทูตเกาหลีเหนือในกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย โดยนายนูร์ จาลัน มูฮัมหมัด รัฐมนตรีช่วยมหาดไทยมาเลเซีย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวนอกสถานทูตเกาหลีเหนือว่า เหตุที่ต้องปิดสถานทูตเกาหลีเหนือเพื่อที่ต้องการระบุตัวตนของเจ้าหน้าที่ทั้งหมดของสถานทูตว่ามีใครอยุ่บ้าง และบรรดาเจ้าหน้าที่เหล่านี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกนอกสถานทูตจนกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจสอบได้ครบว่ามีกี่คนและอยู่ที่ใดกันบ้าง

ความสัมพันธ์อันแนบแน่นหลายสิบปีระหว่างเปียงยางและกัวลาลัมเปอร์มีอันต้องถูกทำลายลง หลังจากพี่ชายต่างมารดาของผู้นำ คิม จองอึน ถูกหญิงสาว 2 คนใช้สารพิษทำลายระบบประสาท “VX” สังหารอย่างอุกอาจที่สนามบินนานาชาติ KLIA2 เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

เกาหลีใต้กล่าวโทษเกาหลีเหนือว่าอยู่เบื้องหลังการลอบสังหาร คิม จองนัม ขณะที่ทางการมาเลเซียก็ได้ออกหมายเรียกพลเมืองเกาหลีเหนือหลายคนมาสอบปากคำ ทว่าชาวเกาหลีเหนือเพียงคนเดียวที่ตำรวจสามารถจับกุมได้ก็ถูกขับออกนอกประเทศแล้ว หลังจากหลักฐานไม่เพียงพอ

เกาหลีเหนือไม่ยอมรับว่าผู้ตายคือพี่ชายต่างมารดาของผู้นำคิม จอง อึน พร้อมทั้งวิจารณ์กระบวนการสอบสวนของมาเลเซียว่าไม่เป็นธรรม และจงใจใส่ร้ายป้ายสีเกาหลีเหนือ

รัฐบาลมาเลเซียได้สั่งขับทูตเกาหลีเหนือ กัง ชอล ออกนอกประเทศ และประกาศให้เป็น “บุคคลไม่พึงปรารถนา” และเมื่อค่ำวันจันทร์ (6) เกาหลีเหนือก็ได้ตอบโต้ด้วยการสั่งขับไล่ทูตมาเลเซียเช่นกัน แม้ว่ารัฐบาลมาเลเซียจะเรียกทูตกลับประเทศเพื่อปรึกษาหารือตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วก็ตาม

ความคิดเห็น

comments