เมื่อวันเสาร์ (23 กันยายน) เกิดปรากฎการณ์อาฟเตอร์ช็อกระดับ 6.2 ในเม็กซิโก ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย พร้อมกับภูเขาไฟโปโปคาเตเปตล์ (Popocatépetl) ทางใต้ของกรุงเม็กซิโก ซิตี เกิดระเบิดขึ้น ส่งเถ้าถ่านขึ้นสูงส่ท้องฟ้า ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวที่ผ่านมาพุ่งไม่ต่ำกว่า 307 คนแล้ว
เกิดเหตุอาฟเตอร์ช็อกรุนแรงในวันเสาร์(23)ที่เม็กซิโก ซึ่งมีความแรงระดับ 6.2 น้อยกว่าที่ได้เกิดขึ้นในวันอังคาร(19) ซึ่งมีความร้ายแรงถึง 7.1 โดยรอยเตอร์ชี้ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดของเหตุแผ่นดินไหวโดยรวมอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 307 คน
โดยอาฟเตอร์ช็อกครั้งนี้มีศูนย์กลางในรัฐฮาวากา(Oaxaca) ในระดับความลึกที่ 9 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นการเกิดแผ่นดินไหวระดับตื้น
ในช่วงเวลาเกิดเหตุอาฟเตอร์ช็อก ชาวบ้านได้หนีออกมานอกถนนด้วยความกลัว ซึ่งมีบางคนไม่สวมรองเท้า ในขณะที่มีอีกหลายคนอุ้มลูกและหลานออกมาด้วย
ซึ่งเหตุอาฟเตอร์ช็อกทำให้ผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 5 คนเสียชีวิต ซึ่งจากทั้งหมด มี 3 รายเสียชีวิตในรัฐฮาวากา ซึ่งรวมไปถึงชายคนหนึ่งที่เสียชีวิตจากโดนผึ้งป่ารุมต่อย
โดยสถาบันแผ่นดินไหวเม็กซิโกยืนยันว่า เหตุแผ่นดินไหววันเสาร์(23) เป็นผลมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ก่อนหน้าในช่วงต้นสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ยังมีสตรี 2 คนเสียชีวิตจากเหตุอาฟเตอร์ช็อกเนื่องมาจากเกิดโรคหัวใจกำเริบอย่างฉับพลันในขณะกำลังที่จะหนีออกมาจากบ้านพักตนเอง สื่อท้องถิ่นรายงานว่าสตรีทั้ง 2 รายมีอายุอยู่ในวัยราว 80 ปี และ 52 ปีตามลำดับ
นอกจากนี้การเกิดอาฟเตอร์ช็อกยังทำให้ปฎิบัติการกู้ภัยที่เริ่มต้นตั้งแต่วันอังคาร(19) ต้องหยุดลงชั่วคราว
ซึ่งอาฟเตอร์ช็อกส่งผลทำให้ตึกที่ได้รับความเสียหายอยู่เดิม รวมไปถึงสะพานนั้นเกิดถล่มลงมา แต่ทางเจ้าเหน้าที่ชี้ว่า การสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหววันเสาร์(23) ไม่มีความรู้สึกรับรู้ถึงแรงสั่นบนพื้นแม้แต่น้อย ซึ่งต่างจากเหตุการณ์ก่อนหน้า
นอกจากนี้สำนักข่าว รอยเตอร์ยังรายงานอีกว่าเมื่อวันเสาร์ (23) เกิดเหตุภูเขาไฟระเบิดพุ่งเถ้าถ่านสูง ไอน้ำ และก๊าซ ไปในอากาศ โดยชี้ว่าเป็นการเกิดระเบิดของภูเขาไฟโปโปคาเตเปตล์ (Popocatépetl) ทางใต้ของกรุงเม็กซิโก ซิตี
ซึ่งพบว่ามีการระเบิดไม่รุนแรงถึง 2 ครั้ง เป็นการเกิดขึ้นหลังจากการเกิดอฟาเตอร์ช็อกไม่นาน แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า การเกิดเหตุของภูเขาไฟเม็กซิโกครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหวในกรุงเม็กซิโก ซิตี เกิดล่าสุด
ทั้งนี้ภูเขาไฟโปโปคาเตเปตล์ปะทุอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1994