UN ระบุพม่ายังไม่เปิดทาง ความช่วยเหลือเข้ายะไข่อย่างอิสระ

สหประชาชาติตำหนิรัฐบาลพม่าที่ยังไม่ยอมอนุญาตให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าถึงรัฐยะไข่อย่างเพียงพอถือเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้

“การเข้าถึงที่เราทำได้เวลานี้ในพื้นที่ตอนเหนือของรัฐยะไข่เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้” มาร์ค โลว์ค็อค ผู้ช่วยเลขาธิการผู้ประสานงานด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาทุกข์ฉุกเฉินแห่งสหประชาชาติ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในนครเจนีวา

คณะเจ้าหน้าที่สหประชาชาติได้เดินทางไปยังพื้นที่ที่ประสบวิกฤติในพม่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และอธิบายถึงสิ่งที่ได้พบว่าเป็นความทุกข์ทรมานที่เกินกว่าจะจินตนาการได้

พม่าควบคุมการเข้าถึงพื้นที่อย่างเข้มงวดตั้งแต่เดือนก่อน หลังทหารเปิดปฎิบัติการปราบปรามชาวโรฮิงญาอย่างรุนแรงจนทำให้ชาวโรฮิงญากว่า 515,000 คน หลบหนีไปบังกลาเทศ และหมู่บ้านชาวโรฮิงญาจำนวนมากถูกเผาทำลาย

โลว์ค็อค กล่าวว่า เขาเชื่อว่าคณะเจ้าหน้าที่สหประชาชาติระดับสูงจะสามารถเดินทางไปยังพื้นที่ขัดแย้งได้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และย้ำข้อเรียกร้องของสหประชาชาติต่อรัฐบาลพม่าที่จะอนุญาตให้เข้าถึงพื้นที่อย่างเป็นอิสระโดยไม่มีการขัดขวาง

“คนกว่าครึ่งล้านคงไม่หยิบไม้แล้วหนีไปจากประเทศของตัวเอง” โลว์ค็อคกล่าว และย้ำว่าขนาดของการอพยพที่เกิดขึ้นเป็นหลักฐานของวิกฤติร้ายแรงของรัฐยะไข่

สหประชาชาติมีศักยภาพมากมายในพม่าที่สามารถระดมความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วไปยังพื้นที่ตอนเหนือของรัฐยะไข่หากได้รับอนุญาต

เจ้าหน้าที่พม่ากล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนจากความรุนแรงในชุมชนห่างไกล นอกเหนือไปจากชาวโรฮิงญา ยังมีชาวฮินดูและชาวยะไข่อยู่ในหมู่ผู้เสียชีวิตเช่นเดียวกัน และกล่าวหาว่าผู้ก่อการร้ายโรฮิงญาเป็นผู้ก่อเหตุสังหาร แต่ข้อกล่าวหาไม่ถูกพิสูจน์เนื่องจากไม่มีสื่ออิสระเข้าไปในพื้นที่ได้ และทั้งหมดเป็นเพียงการบอกเหล่าของทหาร

กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า ยอดผู้เสียชีวิตที่แท้จริงมีแนวโน้มที่จะสูงกว่านี้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชาวโรฮิงญา ขณะที่สหประชาชาติกล่าวว่าปฏิบัติการของกองทัพเป็นการกวาดล้างชาติพันธุ์ต่อกลุ่มชาวโรฮิงญา

ความคิดเห็น

comments