สัมพันธ์ ตุรกี-สหรัฐฯ ร้าวหนัก หลังตุรกีจับพนักงานกงสุลสหรัฐฯข้อหาหนุนกุเลน

สหรัฐฯ และตุรกี สัมพันธ์ร้าวหนักต่างจำกัดการออกวีซ่าให้แก่พลเมืองของกันและกัน โดยอ้างว่าจำเป็นต้องทบทวนเจตนารมณ์ของอีกฝ่ายในการปกป้องบุคลากร หลังลูกจ้างชาวตุรกีประจำสถานกงสุลสหรัฐฯ ถูกทางการตุรกีจับกุมและตั้งข้อหาจารกรรมเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ลูกจ้างประจำสถานกงสุลอเมริกันในนครอิสตันบูลถูกจับด้วยข้อหามีส่วนพัวพันกับนักการศาสนา “เฟตฮุลเลาะห์ กูเลน” ซึ่งรัฐบาลตุรกีระบุว่าอยู่เบื้องหลังความพยายามก่อรัฐประหารเมื่อปีที่แล้ว

สหรัฐฯ ชี้ว่าเรื่องนี้ไม่มีมูล และตำหนิการกระทำของตุรกีว่าเป็นการบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างพันธมิตรนาโต

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ทำให้สหรัฐฯ ต้องทบทวนเจตนารมณ์ของรัฐบาลตุรกีในการรับรองความปลอดภัยให้แก่คณะทูตและบุคลากรของสหรัฐฯ” สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงอังการาแถลง

“เพื่อลดจำนวนผู้มาเยือนสถานทูตและสถานกงสุลให้เหลือน้อยที่สุดระหว่างการประเมิน สำนักงานการทูตสหรัฐฯ ทุกแห่งในตุรกีจึงขอระงับบริการออกวีซ่าชั่วคราว (non-immigrant visa) ทุกประเภท โดยมีผลทันที”

วีซ่าชั่วคราวจะออกให้สำหรับผู้ที่เดินทางไปท่องเที่ยว รักษาพยาบาล ทำธุรกิจ ทำงานชั่วคราว หรือศึกษาเล่าเรียนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งตรงข้ามกับวีซ่าถาวร (Immigrant Visa) ที่จะออกให้แก่ผู้ที่มีความประสงค์จะย้ายถิ่นฐานไปสหรัฐอเมริกาอย่างถาวร

หลังจากนั้นไม่นาน สถานทูตตุรกีในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ก็ประกาศงดออกวีซ่าทุกประเภทให้แก่พลเมืองอเมริกัน รวมถึงการขอวีซ่าทางออนไลน์และจุดผ่านแดนด้วย โดยถ้อยคำที่ใช้นั้นเหมือนกับการประกาศของสหรัฐฯ แทบจะทุกตัวอักษร

สำนักข่าวอนาโดลูของตุรกีรายงานว่า ชายชาวตุรกีซึ่งเป็นลูกจ้างสถานกงสุลสหรัฐฯ ถูกจับเมื่อค่ำวันพุธที่ (4) ผ่านา และถูกตั้งข้อหาจารกรรม รวมถึงข้อหาพยายามบ่อนทำลายรัฐธรรมนูญและรัฐบาลตุรกี

ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-ตุรกีมีแนวโน้มเสื่อมทรามลงเรื่อยๆ หลังสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะเนรเทศ เฟตฮุลเลาะห์ กูเลน นักการศาสนาที่ประธานาธิบดี รอยับ ตอยยิบ ออโดกัน กล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังความพยายามก่อรัฐประหารเมื่อเดือน กรกฎาคม 2016 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปกว่า 240 ราย

กูเลน ยืนยันเสียงแข็งว่าตนไม่รู้ไม่เห็นเรื่องรัฐประหาร ท่ามกลางการกวาดล้างเครือข่ายของกูเลนในตุรกี ทั้งข้าราชการในสังกัดเหล่าทัพ สังกัดฝ่ายตุลาการ ครู และข้าราชการพลเรือน นับพันๆคน

สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงอังการาได้มีถ้อยแถลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (5) ว่า รู้สึก “ไม่พอใจอย่างยิ่ง” เรื่องการจับกุมลูกจ้างชาวตุรกี และเชื่อว่าข้อกล่าวหาทั้งหมด “ไม่มีมูลความจริง”

สหรัฐฯ ยังตำหนิสื่อท้องถิ่นที่อ้าง “ข้อมูลรั่วไหล” จากแหล่งข่าวในรัฐบาลตุรกี “ซึ่งดูเหมือนจะพยายามพิพากษาความผิดของลูกจ้างรายนี้ แทนที่จะรอให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน”

อิบรอฮีม คาลิน โฆษกประธานาธิบดีแอร์โดอัน ยืนยันว่ารัฐบาล “มีหลักฐานที่ชัดเจนพอ” ในการจับกุมชาวตุรกีรายนี้ โดยอ้างว่ามีบุคคลในสถานกงสุลสหรัฐฯ ที่นครอิสตันบูลโทรศัพท์ติดต่อกับผู้ต้องสงสัยรายสำคัญในคืนที่เกิดรัฐประหาร

โซเนอร์ คากับไต ผู้อำนวยการโครงการตุรกีประจำสถาบันวอชิงตันเพื่อนโยบายตะวันออกใกล้ ชี้ว่า สถานการณ์ในขณะนี้นับเป็นวิกฤตที่รุนแรงเป็นประวัติการณ์สำหรับความสัมพันธ์สหรัฐฯ -ตุรกี

“พวกเขาคิดว่าวิธีนี้จะบีบให้คณะผู้นำตุรกีช่วยเกลี้ยกล่อมประธานาธิบดี ให้หยุดคุกคามชาวอเมริกันในตุรกี แต่ผมเชื่อว่าประธานาธิบดีตุรกี จะทำตรงกันข้าม และอาจจะตอบโต้หนักยิ่งขึ้นไปอีก” คากับไต ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี

เจ้าหน้าที่ตุรกีคาดหวังว่าความสัมพันธ์ตุรกีและสหรัฐฯน่าจะดีขึ้นบ้างในยุคของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าสหรัฐฯจะยอมส่งตัวกูเลนที่ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่รัฐเพนซิลเวเนียให้กับตุรกี

แอนดรูว์ บรันสัน ศาสนาจารย์ชาวอเมริกันซึ่งก่อตั้งโบสถ์คริสต์ขึ้นในเมืองอิซมีร์ (Izmir) ถูกอังการาควบคุมตัวไว้ตั้งแต่เดือน ตุลาคม ปี 2016 ด้วยข้อหาเป็นสมาชิกเครือข่ายกูเลน และประธานาธิบดี แอร์โดอัน ก็เคยพูดเมื่อเดือนกันยายน ว่าตุรกีอาจจะยอมคืนตัวนักโทษรายนี้เพื่อแลกกับ กูเลน แต่ปรากฏว่าสหรัฐฯ ไม่มีทีท่าจะสนใจ

ความคิดเห็น

comments