“ปาปัวนิวกินี” ขีดเส้นตายผู้ลี้ภัยเกาะมานุสออกนอกศูนย์ หลังขนถังรองน้ำออกแล้ว

เจ้าหน้าที่ปาปัวนิวกินีเริ่มต้นใช้กำลังบังคับให้กลุ่มผู้ลี้ภัยจำนวนราว 400 คนที่ยังคงอาศัยอยู่ภายในศูนย์อพยพเกาะมานุสของออสเตรเลียมาจนถึงล่าสุด มีหลายสิบคนยอมสมัครใจเดินทางออกนอกศูนย์เอง แต่พบมีจำนวนมากยังคงอยู่ข้างในสร้างสิ่งกีดขวางด้านนอกสกัดเจ้าหน้าที่ หลังรัฐบาลปาปัวนิวกินีเข้ารื้อถอนศูนย์แห่งนี้ตั้งแต่วันศุกร์(10 พฤศจิกายน) พร้อมยกถังรองน้ำ และของใช้สอยออกมานอกพื้นที่จนหมด ตัดทั้งไฟฟ้า และไม่มีอาหารกิน ผู้ลี้ภัยถูกยื่นเส้นตาย ต้องออกจากศูนย์แห่งนี้ภายในวันจันทร์(13 พฤศจิกายน) เท่านั้น

ปาปัวนิวกินีได้ยื่นข้อเรียกร้องสุดท้ายต่อบรรดาผู้อพยพที่ยังอยู่ด้านในศูนย์ผู้อพยพเกาะมานุสของรัฐบาลออสเตรเลีย ต้องอพยพออกมาด้านนอกมีเวลาแค่วันจันทร์(13) เท่านั้น โดยทางการปาปัวนิกินีขู่จะใช้กำลังเข้าจัดการขับไล่คนทั้งหมด ที่คาดว่าเป็นผู้อพยพชายล้วนราว 400 คนให้ออกนอกพื้นที่ อ้างอิงจากแถลงการณ์ของรัฐนตรีกระทรวงเข้าเมืองปาปัวนิวกินี เพทรุซ โทมัส(Petrus Thomas)

โดยในรายงานกล่าวถึงเนื้อความของแถลงการณ์ว่า “ทางเราจะดำเนินตามขั้นตอนพร้อกับอำนาจที่เกี่ยวข้องเพื่อที่จะเคลื่อนย้ายผู้ที่อาศัยอยู่ด้านใน จากเหตุผลความเสี่ยงอย่างสูงต่ออันตรายด้านสุขภาพจากอาหารภายในศูนย์ที่ยังตกค้าง”

รัฐมนตรีกระทรวงการเข้าเมืองปาปัวนิวกินีชี้ว่า คนเหล่านี้จำเป็นต้องออกาจากศูนย์ลี้ภัยที่ถูกปิดตัวไป เพื่อที่ทุกคนจะสามารถเข้าถึงสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐาน เป็นต้นว่า อาหารที่ปลอดภัย น้ำ ยารักษาโรค และความปลอดภัย

และเสริมต่อว่า ศูนย์ลี้ภัยมานุสในเวลานี้อยู่ภายใต้การควบคุมของทางปาปัวนิวกินี ซึ่งได้ส่งกองกำลังความมั่นคงเข้าไปควบคุมทั้งตัวอาคาร และบริเวณพื้นที่โดยรอบแล้ว อ้างอิงรายงานจากหนังสือพิมพ์อังกฤษ เดอะการ์เดียน

แต่อย่างไรก็ตามในวันอาทิตย์(12) สถานีวิทยุเอ็นซี (NZ) ของนิวซีแลนด์รายงานว่า ดูเหมือนโทมัสจะยอมอ่อนเสียงลง โดยทางสื่อวิทยุนิวซีแลนด์รายงานความเห็นของรัฐมนตรีกระทรวงเข้าเมิองปาปัวนิวกินีว่า “อย่างที่ผมเคยกล่าวยืนยัน จะไม่มีการใช้กำลัง แต่จะเป็นการสมัครใจให้ย้ายออกมา ซึ่งมีผู้ที่สมัครใจยอมออกมาแล้วราว 120 คน และมีแนวโน้มในแง่ดีที่คาดว่าอาจมีผู้ลี้ภัยคนอื่นๆอาจยอมย้ายออกมาเช่นกัน” เพทรุซ โทมัส ให้สัมภาษณ์

AFP รายงานว่า มีผู้ลี้ภัยบางส่วนหลายสิบคนยอมสมัครใจที่จะเคลื่อนย้ายออกมานอกบริเวณศูนย์ลี้ภัยนอกชายฝั่งออสเตรเลียที่ถูกปิดตัว

ทั้งนี้ในขณะที่รัฐบาลออสเตรเลียทำการปิดศูนย์อพยพนี้ลงในช่วงสิ้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ลี้ภัยจำนวน 600 คน ซึ่งเป็นชายทั้งหมดปฎิเสธที่จะย้ายออก และยังคงอาศัยอยู่ด้านใน และในขณะที่มีบางส่วนยอมย้ายไปยังสถานที่ใหม่ 3 แห่งบนเกาะมานุส เบห์เราซ์ บูคานี( Behrouz Boochani ) นักข่าวและผู้ขอลี้ภัยชาวเคิร์ด-อิหร่าน ระบุกับ AFP ในวันอาทิตย์(12)ว่า ด้านในยังคงมีผู้อพยพหลงเหลืออีก 423 คนอาศัย ถึงแม้ว่าจะไม่มีทั้งน้ำ อาหาร ไฟฟ้า หรือน้ำประปาก็ตาม

โดยทางบูคานีชี้ว่า “พวกคนเหล่านี้ต้องสู้กับความหิว ซึ่งได้มีการปันส่วนอาหารที่มีจำกัดที่พวกเขาได้รับอนุญาตให้นำเข้ามาด้านในศูนย์ผู้อพยพแห่งนี้ได้”

และบูคานีกล่าวต่อว่า “ผู้คนต่างกล่าวว่า พวกเรามุ่งมั่นที่จะต้องอาศัยในที่แห่งนี้ต่อไป และคนเหล่านั้นรู้สึกว่า หากต้องเดินทางจากคุกแห่งนี้เพื่อไปอาศัยที่คุกแห่งใหม่ พวกเขาจะสูญเสียทุกอย่าง แม้แต่ชีวิตของพวกเขาเอง”

อย่างไรก็ตาม ทั้งออสเตรเลียและปาปัวนิวกินียืนยันว่า ศูนย์แห่งใหม่ 3 แห่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นที่อยู่ของพวกผู้ลี้ภัยมีสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานเป็นต้นว่า อาหาร และน้ำ แต่ทว่าบูคานีกล่าวยืนยันว่า ผู้ที่ได้ถูกย้ายไปที่แห่งใหม่ ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า มีสภาวะที่ยากลำบาก

นิวซีแลนด์ได้ออกแถลงการณ์ประณามนโยบายผู้อพยพของออสเตรเลียในวันอาทิตย์(12) ในขณะที่นายกรัฐมนตรีหญิงนิวซีแลนด์ จาซินดา อาร์เดน(Jacinda Ardern) พยายามที่จะหารือนอกรอบกับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย มัลคอม เทิร์นบูล ระหว่างร่วมการประชุมเอเปคที่เวียดนาม

“ไม่ว่าจะมองในมุมไหน มันยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ต้องช่วยเหลือ เพราะสิ่งที่เป็นอันตรายยังคงอยู่ตรงหน้า” อาร์เดนกล่าวกับนักข่าว และเธอยังประกาศข้อเรียกร้องที่ทางนิวซีแลนด์ต้องการรับตัวผู้อพยพชาย 150 คนจากออสเตรเลียเข้าประเทศ

ความคิดเห็น

comments