ทหารพม่ารุมข่มขืน “ผู้หญิง-เด็กโรฮิงญา” ระหว่างปราบโรฮิงญาในยะไข่

ทหารพม่ารุมข่มขืนผู้หญิง และเด็กหญิงชาวโรฮิงญานับไม่ถ้วน ระหว่างการปราบปรามทางทหารที่ส่งผลให้ประชาชนกว่าครึ่งล้านชีวิตต้องหลบหนีข้ามแดนไปฝั่งบังกลาเทศ ตามการเปิดเผยของฮิวแมนไรท์วอทช์

กลุ่มสิทธิมนุษยชนที่มีสำนักงานในสหรัฐฯ กล่าวในรายงานฉบับหนึ่งวันพฤหัสบดีที่ (16 พฤศจิกายน) ผ่านมาว่า ความรุนแรงทางเพศ รวมทั้งการกระทำที่ทารุณโหดร้ายอื่นๆ ของกองกำลังรักษาความมั่นคงของพม่า เป็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

จากการสัมภาษณ์ผู้รอดชีวิตจากการข่มขืน องค์กรช่วยเหลือ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขบังกลาเทศ รายงานระบุถึงกรณีต่างๆ ที่เรียกว่า เป็นการข่มขืนกลุ่มหญิงโรฮิงญาที่ถูกทหารจับตัว และถูกทำร้ายทางเพศ

“การขืนใจถือเป็นรูปแบบความรุนแรงที่ชัดเจนในการดำเนินการกวาดล้างชาติพันธุ์ของทหารพม่าต่อชาวโรฮิงญา การกระทำความรุนแรงอันป่าเถื่อนของทหารพม่าทำให้ผู้หญิง และเด็กหญิงนับไม่ถ้วนต้องทนทุกข์ทรมาน และได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส” สกาย วีลเลอร์ นักวิจัยจากฮิวแมนไรท์วอทช์ กล่าว

ผู้ให้สัมภาษณ์ที่เป็นผู้รอดชีวิตจากการข่มขืน 29 คน เกือบทั้งหมดเว้นเพียงรายเดียวถูกรุมข่มขืนโดยผู้กระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป และมี 8 กรณี ที่ผู้หญิง และเด็กหญิงรายงานว่า ถูกข่มขืนโดยทหารตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป

บรรดาหญิงโรฮิงญาได้อธิบายถึงการสังหารลูก คู่รัก และพ่อแม่ ก่อนที่พวกเขาจะถูกข่มขืน และผู้รอดชีวิตหลายคน กล่าวว่า พวกเขาต้องทนทุกข์ต่อความเจ็บปวดจากอาการอวัยวะเพศบวม และฉีกขาดขณะเดินทางไปจนถึงบังกลาเทศ

ฮิวแมนไรท์วอทช์ ยังรายงานถึง 6 กรณีของการรุมข่มขืนระหว่างที่ทหารจับผู้หญิงมารวมกลุ่มก่อนทำร้ายทุบตี และรุมข่มขืนหญิงเหล่านั้น

รายงานอ้างคำกล่าวของผู้หญิงอายุ 33 ปีรายหนึ่งที่ระบุว่า ทหารล้อมจับเธอ และผู้หญิงอื่นอีกประมาณ 20 คน บนเนินเขา หลังหลบหนีออกจากหมู่บ้าน และข่มขืนผู้หญิงต่อหน้าคนเหล่านั้น

กลุ่มสิทธิมนุษยชนสัมภาษณ์ผู้หญิง และเด็กหญิงโรฮิงญา 52 คน รวมทั้งผู้รอดชีวิตจากการข่มขืน ซึ่งมาจากหมู่บ้าน 19 แห่ง ในพื้นที่ตอนเหนือของรัฐยะไข่

ชาวมุสลิมโรฮิงญามากกว่า 600,000 คน หลบหนีจากพม่าตั้งแต่ทหารเริ่มปฏิบัติการกวาดล้างในวันที่ 25 สิงหาคม ซึ่งทางการพม่าอ้างดำเนินการปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายโรฮิงญา แต่สหประชาชาติได้กล่าวว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการกวาดล้างชาติพันธุ์

ความคิดเห็น

comments