หวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีนเรียกร้องให้พม่าและบังกลาเทศแก้ไขวิกฤติโรฮิงญาผ่านการเจรจาในระดับทวิภาคีแทนที่จะยกขึ้นเป็นระดับนานาชาติ โดยที่ก่อนหน้านี้จีนซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนพม่าได้ขัดขวางความพยายามของนานาชาติในการใช้เวทีสหประชาชาติเพื่อแก้ปัญหาโรฮิงญา
“ประชาคมโลกไม่ควรทำให้สถานการณ์มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น” หวัง อี้ กล่าวแถลงที่สถานทูตจีนในกรุงธากา
“การดำเนินการในคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติต้องช่วยให้ความร่วมมือทวิภาคีระหว่างบังกลาเทศและพม่าสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างสันติ” รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวกับผู้สื่อข่าว
หวัง อี้ เดินทางถึงบังกลาเทศเมื่อวันเสาร์ (19) ในการเยือนกรุงธากาเป็นเวลา 2 วัน และจะเดินทางเยือนพม่าเพื่อเข้าร่วมการประชุมเอเชีย-ยุโรป (ASEM)
“จีนสนับสนุนการแก้ไขวิกฤติอย่างสันติ และทวิภาคี ด้วยการปรึกษาหารือร่วมกันระหว่างบังกลาเทศและพม่า” หวัง อี้ กล่าวอ้าง
ชาวโรฮิงญามากกว่า 600,000 คน ต้องหนีตายไปยังบังกลาเทศนับตั้งแต่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา จากปฎิบัติการปราบปรามทางทหารอย่างรุนแรงในรัฐยะไข่
“มันเป็นสถานการณ์ที่ซับซ้อนและต้องการการแก้ไขปัญหาที่ครอบคลุม การพัฒนาทางเศรษฐกิจในรัฐยะไข่เป็นสิ่งจำเป็น จีนพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ” รัฐมนตรีต่างประเทศจีนระบุ
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน หวัง อี้ ยังได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรีบังกลาเทศยังที่พำนักในกรุงธากาและให้การรับรองว่าจีนจะให้การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาวิกฤติดังกล่าว
ผู้นำบังกลาเทศ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า “พม่าจะต้องรับพลเมืองของตัวเองกลับประเทศและรับประกันความปลอดภัย ความมั่นคงและศักดิ์ศรีของพวกเขาเพื่อการแก้ปัญหาวิกฤติอย่างยั่งยืน เราจะไม่อนุญาตให้กลุ่มก่อการร้ายใช้ที่ดินของบังกลาเทศกระทำการก่อความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน”
รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศบังกลาเทศกล่าวกับหวังว่า บังกลาเทศกำลังพยายามที่จะแก้ไขปัญหาทั้งในระดับทวิภาคีและระดับนานาชาติ เนื่องจากบังกลาเทศไม่สามารถรับภาระอันใหญ่หลวงของผู้ลี้ภัยได้
จากคำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศบังกลาเทศ หวัง อี้ ได้ย้ำว่า จีนจะช่วยเหลือแก้ไขปัญหาและจะไม่เข้าข้างฝ่ายใด และทราบว่าบังกลาเทศกำลังเผชิญกับการไหลบ่าของผู้ลี้ภัยโรฮิงญา
ทั้งนี้จีน และรัสเซียได้ช่วยเหลือพม่าตามการร้องขอของรัฐบาลพม่าในการยับยั้งทุกมติในเวทีสหประชาชาติ ที่เกี่ยวข้องกับปฎิบัติการปราบปรามชาวโรฮิงญาของพม่า และจีนยังได้วางโครงการในการใช้รัฐยะไข่ของพม่าเป็นท่าเรือหลักในการขนส่งน้ำมัน และก๊าสจากตะวันออกส่งตรงเข้าสู่ดินแดนทางตอนใต้ของจีน