นักรบ และพลเรือนชาวซีเรียหลายร้อยรายที่ได้รับบาดเจ็บจากการในดินแดนที่ถูกปิดล้อมชุดที่ 2 จากดินแดนฆุตเฎาะห์ตะวันออก เมื่อวันอาทิตย์ที่(24 มีนาคม)หลังจากกลุ่มนักรบได้ตกลงที่จะออกจากเมือง และหมู่บ้านหลายแห่งของตน หลังจากถูกปิดล้อมมากว่า 5 ปี และถูกโจมตีทางอากาศอย่างหนักในช่วงเดือนที่ผ่านมา
ตามรายงานของ Al-Ikhbariya TV ของบาชาร์ อัล-อัสซาด ระบุว่านักรบและสมาชิกในครอบครัว และพลเรือนอื่น ๆ ที่เริ่มออกเดินทางในวันเสาร์ที่ผ่านมา จากดินแดนฆุตเฎาะห์ที่ถูกปิดล้อม ตามรายงานของกลุ่มสิทธิมนุษยชน
พวกเขาถูกขนส่งโดยรถบัสสีเขียวมะนาวของระบอบบาชาร์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความพ่ายแพ้พลเรือนชาวซีเรีย และเป็นการจัดระบบประชากรใหม่ หลังจากระบอบการปกครองได้เข้าครอบครองพื้นที่ของฝ่ายต่อต้านอีกครั้ง
นักรบอยู่ในสภาพที่เหนื้อล้า และอ่อนแรง นั่งซ่อนตัวหลบสายตาจากนักข่าวบนถนน พร้อมกับเด็กๆ ที่กำลังมองออกไปนอกหน้าต่างดูบ้านเกิดของตนเป็นวาระสุดท้าย
การอพยพเกิดขึ้นตามข้อตกลงจากการยอมจำนนของนักรบฝ่ายต่อต้าน หลังจากถูกปิดล้อมมากว่า 5 ปี และถูกโจมตีอย่างหนักจากรัสเซีย, บาชาร์ อัล-อัสซาด และนักรบจากอิหร่าน ในรอบเดือนที่ผ่านมา
พลเรือนชาวซีเรียในพื้นที่ปิดล้อมได้เริ่มอพยพจากดินแดนฆุตเฎาะห์ตะวันออกชุดแรก 7,000 คนในวันพฤหัสบดี มุ่งหน้าไปยังจังหวัดอิดลิบ ดินแดนทางตอนเหนือที่ยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของฝ่ายต่อต้านซีเรีย
หลังจากโจมตีทางอากาศ และปืนใหญ่อย่างหนัก ระบอบบาชาร์ อัล-อัสซาด สั่งให้นักรบฝ่ายต่อต้านซีเรีย และประชาชนในดินแดนที่ถูกปิดล้อมเลือกที่จะสละอาวุธของพวกเขา และสมัครเข้าเป็นทหารของฝ่ายบาชาร์ หรือพาครอบครัวออกจากบ้านเกิดไปยังดินแดนส่วนอื่นที่ยังคงปกครองโดยฝ่ายต่อต้านซีเรีย
พลเรือนนับหมื่นคนในพื้นที่ เลือกที่จะนำครอบครัวออกจากพื้นที่ที่เป็นบ้านเกิดของตน โดยไม่ขอเข้าทำงานในกองทัพของบาชาร์ อัล-อัสซาด หรือยอมที่จะต้องถูกจับไปกักขังในเรือนจำที่ฉาวโฉ่ในด้านการทรมานนักโทษจนตายของบาชาร์ อัล-อัสซาด
นักวิจารณ์บอกการดำเนินการดักล่าว เป็นการบังคับให้พลเรือนต้องกลายเป็นผู้ผลัดถิ่น ละทิ้งบ้านเรือนของตน จากยุทธวิธีที่โหดร้ายในการตัดขาดเส้นทางการขนส่งอาหาร และยา รวมทั้งการโจมตีทั้งทางอากาศ และทางบกอย่างหนัก ที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงขององค์การสหประชาชาติได้เปรียบกับยุทธวิธีดังกล่าวเทียบเท่ากับการก่ออาชญากรรมสงคราม และการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
สหประชาชาติ และคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศของกาชาดสากล ปฏิเสธที่จะอำนวยความสะดวกในการอพยพชาวฆุตเฎาะห์ตะวันออกจากพื้นที่
นับแต่สงครามกลางเมืองที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2011 ส่งผลให้ชาวซีเรียเกือบ 11 ล้านคน ต้องกลายเป็นผู้ผลัดถิ่น ละทิ้งบ้านเรือนของตน จากความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ
