ปากีสถานร้อนจัด 3 วันตายแล้ว 65 ราย

องค์การความมั่นคงแห่งชาติปากีสถานแถลงเมื่อวันอังคาร(22 พฤษภาคม)ท่ามกลางความหวาดกลัวของสภาพอากาศที่อุณหภูมิสูงขึ่นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 65 ราย ในรอบ 3 วันที่ผ่านมา ด้านทางการท้องถิ่นปฎิเสธอ้างยังไม่มีใครเสียชีวิตจากเคลื่อนความร้อน

คลื่นความร้อนที่เกิดขึ้นพร้อมกันกับภาวะไฟฟ้าดับ และเดือนรอมฎอนอันประเสริฐที่ชาวมุสลิมทั่วโลกจะถือศีลอดในเวลากลางวันแต่อุณหภมิที่ปากีสถานพุ่งสูงขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 44 องศาเซลเซียส (111 องศาฟาเรนไฮต์) ในวันจันทร์ที่(21)ผ่านมา

Faisal Edhi ผู้ดำเนินการมูลนิธิ Edhi ที่ให้บริการด้านการจัดการศพ และบริการรถพยาบาลในเมืองการาจี เมืองที่ใหญ่ที่สุดของปากีสถานกล่าวว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากพื้นที่ยากจนของนครการาจี

“65 คนเสียชีวิตในช่วง 3 วันที่ผ่านมา” Edhi กล่าวกับรอยเตอร์ “เรามีศพจำนวนมากอยู่ในห้องเย็นของเรา และแพทย์ในท้องถิ่นลงความเห็นว่าพวกเขาเสียชีวิตจากความร้อน”

Fazlullah Pechuh เลขานุการด้านสุขภาพของมณฑล Sindh กล่าวกับหนังสือพิมพ์ภาคภาษาอังกฤษ Dawn กว่าว่าไม่มีใครตายจากความร้อน

“แพทย์และโรงพยาบาลเท่านั้นที่สามารถตัดสินใจได้ว่าสาเหตุของความตายเป็นโรคหลอดเลือดสมองหรือไม่ ฉันปฏิเสธเด็ดขาดว่าผู้คนเสียชีวิตเนื่องจากความร้อนในเมืองการาจี “Pechuho กล่าวย้ำ

อย่างไรก็ตามรายงานการเสียชีวิตจากคลื่นความร้อนในการาจีจะทำให้เกิดความวิตกกังวลท่ามกลางความหวาดกลัวจะซ้ำรอยเหตุที่เกิดในปี 2015 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 1,300 คนจากเคลื่อนความร้อน โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วย และผู้สูงอายุ

Edhi เล่าว่าในปี 2015 หน่วยชันสูตรศพต้องออกจากห้องเก็บศพไปยังพื้นที่หลังมีศพประมาณ 650 ศพถูกส่งมายังพื้นที่ในช่วง 2-3 วัน รถพยาบาลต้องนำศพมา่กองไว้ที่ด้านนอกห้องเก็บศพท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว

รัฐบาลในท้องถิ่นได้ให้ความมั่นใจกับประชาชนว่าจะไม่มีเหตุการณ์ซ้ำรอยปี 2015 และกำลังดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ป่วยจะได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว

Edhi กล่าวว่าคนตายส่วนใหญ่ถูกนำเข้ามาในห้องเก็บศพคือแรงงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่มาจากพื้นที่ Landhi และ Qur’angi เป็นย่านผู้มีรายได้ต่ำในการาจี

“พวกเขาทำงานเกี่ยวกับเครื่องทำความร้อน และหม้อต้มไอน้ำในโรงงานผลิตสิ่งทอ และมีช่วงเวลาทำงานแปดถึงเก้าชั่วโมงต่อวัน” เขากล่าว

อุณหภูมิคาดว่าจะอยู่เหนือระดับ 40 องศาเซลเซียส ไปจนถึงวันพฤหัสบดีตามรายงานของสื่อท้องถิ่น

ความคิดเห็น

comments