“ดุอาอฺ” ของทีมเกาะลิบง กับภารกิจช่วย 13 ชีวิต #ถ้ำหลวง

เสียงอาซานหน้าถ้ำขุนน้ำนางนอน และดุอาอฺวิวอนขอต่อพระผู้เป็นเจ้า โดยทีมเก็บรังนกจากเกาะลิบง จังหวัดตรัง ในภารกิจช่วยเหลือ 13 ชีวิตทีมหมูป่า

เพจ สำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 เปิดเผยบทสัมภาษณ์ บังจ้อนผู้ประสานงานของทีมกลุ่มคนรับจ้างเก็บรังนกนางแอ่น8คน ที่ไปช่วยปฏิบัติภารกิจค้นหา13ชีวิต ในถ้ำขุนน้ำนางนอน ระบุว่า “ในทีมได้จัดเก็บสัมภาระ เตรียมเดินทางกลับตรังทันที หลังทีมกู้ภัยพบตัวทีมหมูบ้านครบทั้ง 13 คน ซึ่งตอนแรกจะเดินทางกลับตั้งแต่เมื่อวันอังคาร (3 กรกฎาคม) แต่ก็ขอติดตามแนวทางการช่วยเหลือ เผื่อจะได้ช่วยอะไร และในวันนี้(พุธ)ได้เดินทางไปสนามบินเพื่อเดินทางกลับ แต่ได้รับภารกิจด่วน เนื่องจากเจอปล่องถ้ำอีก2 ปล่องที่เพิ่งพบล่าสุด และต้องการให้ทางทีมไปช่วยตรวจสอบเส้นทาง เพราะอาจจะใช้เส้นทางนี้ในการลำเลียงเด็กกลับออกมา ทุกคนจึงเปลี่ยนแผนทิ้งตั๋วเครื่องบินเพื่อกลับไปทำภารกิจสำคัญต่อ”…ขอบคุณทุกสายการบินที่แสดงความประสงค์ในการสนับสนุนตั๋วเครื่องบินให้พวกเรากลับบ้าน สำหรับวันนี้ได้ทิ้งตั๋วเครื่องบินสายการบินไทยสมายล์ไปแล้วเพื่อภารกิจใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้า

…#คนที่บ้านฝากบอกมาว่า “หากภารกิจยังไม่แล้วเสร็จไม่ต้องรีบกลับมาก็ได้ คนทางบ้านดูแลตัวเองกันได้ ตอนนี้การพาทั้ง 13 คนกลับไปหาครอบครัวของพวกเขาอย่างปลอดภัย คือเรื่องสำคัญที่สุดทำให้เต็มที่คนที่เกาะลิบงส่งใจไปช่วย อยากให้ทุกคนทั้งผู้ที่ติดภายในถ้ำ และผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือปลอดภัยกลับมา”

สำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 รายงานอีกว่าหลายท่านคงได้ติดตามข่าวที่หลายหน่วยงานเข้าไปช่วยเหลือในภารกิจการช่วยเหลือทีมหมู่ป่า 13 ชีวิตในถ้ำขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “กลุ่มคนรับจ้างเก็บรังนกนางแอ่น”ที่นำโดย นายอะลิเฟน เทศนำ ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จุดเริ่มต้นที่มาจากการติดตามข่าวแล้วรู้สึกว่า พวกเขาที่มีความชำนาญการเข้าถ้ำอาจจะพอช่วยอะไรในภารกิจนี้ได้ดีกว่าการคอยลุ้นติดตามข่าวอยู่ที่บ้าน

หลังจากเตรียมทีม ปัญหาสำคัญ “เงิน”สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่ปัญหานี้ก็แก้ได้ด้วยหัวใจที่ยิ่งใหญ่ของคนบนเกาะลิบงที่มีกันอยู่ 4 หมู่บ้านรวม 4,000 คน จึงใช้เวลาไม่นานก็สามารถรวบรวบเงินสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้ว่าราชการจังหวัดตรังและเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง จนกระทั่งได้เดินทางขึ้นเครื่องบินและเดินทางต่อไปยังถ้ำขุนน้ำนางนอน ด้วยเงินที่ติดกระเป๋าแต่ละคนมีไม่ถึง 500 บาท โดยบังจ้อนมีติดกระเป๋าไป 200 บาทถ้วน ขณะที่ผู้ใหญ่อะลิเฟน มีเงินติดตัวประมาณ 700 บาท

ตลอดการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ หัวหน้าทีมได้ประกาศเสียอาซาน และขอดุอาอฺจากเอกองค์อัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลาให้การปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จลุล่วงด้วยดีทุกครั้ง วันแรกปีนจากปากปล่องลงไปในถ้ำ ลึกประมาณ 300 เมตรเพราะความยาวเชือกหมด อีกวันเมื่อได้เชือกที่ยาวขึ้นจึงสามารถลงไปถึงพื้นดินในถ้ำที่ความลึกในระดับ 500 เมตร ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีใครลงไปได้เพราะตลอดความยาวของปล่องมีความลาดชั้นและตัวหินซ้อนทับกันยากต่อการโรยตัวลงไป หน้าที่ของหน่วยนี้คือสำรวจปล่อง และเส้นทางรอบบริเวณแนวปล่องบนพื้นดินภายในถ้ำ แต่ก็พบว่าพื้นที่เบื้องล่างไม่สามารถลอดผ่านหรือแทรกตัวจากหินเหล่านี้มาได้

ส่วนภารกิจหลังจากนี้ต้องมาลุ้นกับการสำรวจถ้ำอีก 2 ปล่องที่เพิ่งค้นพบ พวกเขายืนยันจะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด เพราะอยากให้ทุกคนกลับออกมาโดยเร็วที่สุด “เด็กๆ คงโหยหาอยากกลับไปหาอ้อมกอดของพ่อแม่กันแล้ว”

นายอะลิเฟน เทศนำ ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง และทีมงานมีความรู้สึกเดียวกัน คือภาคภูมิใจที่ได้อยู่ร่วมในภารกิจสำคัญในการช่วยเหลือทีมหมูป่า 13 คน โดยใช้ทักษะความสามารถจากอาชีพของตนที่ปกติอยู่แต่ในถ้ำทำงานเลี้ยงชีพกันไปวันๆ แต่ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้ร่วมภารกิจนี้ที่เป็นความหวังของคนไทยทั้งประเทศ และรู้สึกดีใจมากที่รู้ว่าทุกคนปลอดภัย

โดยทีมดังกล่าวมีสมาชิกประกอบด้วย
1.นายร่อหีม คงเหลา
2.นายสัมพันธ์ ผอมเขียว
3.นายสมรักษ์ จิเหลา
4.นายอาลิเฟน เทศนำ
5.นายรอหมาน คงเหลา
6.นายสัณฐิติ จิเหลา
7.นายวิโรจน์ คงเหลา
8.นายมะแอน คงเหลา

โพสต์โดย สำนักประชาสัมพันธ์เขต 6 กรมประชาสัมพันธ์ เมื่อ วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม 2018

ความคิดเห็น

comments