“มหาเธร์” โต้ศาลอิสลาม อ้างเฆี่ยนคนทำซินา “ขัดหลักความเมตตาของอิสลาม”

นายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮำหมัด ของมาเลเซีย ออกมาสวนคำตัดสินของศาลอิสลาม พร้อมประณามการเฆี่ยนหญิงมุสลิมที่เป็นพวกรักร่วมเพศสองคนในฐานพยายามมีเพศสัมพันธ์กันโดยที่ไม่ได้แต่งงานกัน

หญิงสองคนที่รับสารภาพต่อศาลศาสนา ถูกตัดสินความผิดในข้อหาทำซินา พวกเธอถูกเฆี่ยนเมื่อวันจันทร์ (3 กันยายน) ต่อหน้าสาธารณะที่ศาลชารีอะห์ในตรังกานู ในภาคตะวันออกของประเทศ

ด้านนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนออกมาประณามการตัดสินโทษด้วยการเฆี่ยนของศาลชารีอะห์ ว่าเป็นการทรมาน แม้จะการลงโทษด้วยการเฆี่ยนเหมือนกับสิงค์โปรก็ตาม

รัฐบาลของมหาเธร์มีความเห็นแบ่งเป็นสองฝั่งเกี่ยวกับสังคมของกลุ่มที่มีความผิดปกติทางเพศ (LGBT) ในขณะที่ตัวมหาเธร์ได้โพสคลิปวีดิโอบนบัญชีทวิตเตอร์ของเขา โดยอ้างว่า การเฆี่ยนดังกล่าว “ขัดต่อหลักความยุติธรรม หรือความเมตตาของศาสนาอิสลาม”

มันเป็นความผิดครั้งแรกของพวกเธอซึ่งควรมีบทลงโทษเบากว่านี้เช่นการให้คำปรึกษา มหาเธร์อ้าง

“สิ่งนี้ทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดีต่ออิสลาม” ผู้นำวัยสูงวัยกล่าวอ้าง พร้อมบอกว่า “มันเป็นเรื่องจำเป็นที่เราจะต้องแสดงให้เห็นว่า อิสลามไม่ใช่ศาสนาที่โหดร้ายที่บังคับใช้บทลงโทษรุนแรงเพื่อหยามเกียรติผู้อื่น”

ทั้งนี้ศาสนาอิสลามห้ามการเลียนแบบเพศตรงข้าม โดยท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลั๊ลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า “อัลลอฮฺทรงสาปแช่งผู้ชายที่ทำตัวเป็นผู้หญิงและผู้หญิงที่ทำตัวเป็นผู้ชาย” (บันทึกโดยบุคอรีย์)

ขณะที่โทษของคนกลุ่มนี้ ท่านรสูลุลลอฮฺ ศ็อลลั๊ลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า “อัลลอฮฺทรงสาปแช่งบุคคลที่มีพฤติกรรมเสมือนพฤติกรรมของกลุ่มชนของ (นบี) ลูฎ,พระองค์อัลลอฮฺทรงสาปแช่งบุคคลที่มีพฤติกรรมเสมือนพฤติกรรมของกลุ่มชนของ (นบี) ลูฎ,พระองค์อัลลอฮฺทรงสาปแช่งบุคคลที่มีพฤติกรรมเสมือนพฤติกรรมของกลุ่มชนของ (นบี) ลูฎ” (บันทึกโดยอะหฺมัด) นักวิชาการมีความเห็นเอกฉันท์ว่า โทษของผู้ที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ หุกุมของศาสนาคือการประหารชีวิต

ความคิดเห็น

comments