ผบ.ทบ.ลุยถอนทหารภาคอื่นพ้นใต้ รับเปิดโต๊ะ “คุยลับสันติสุข” ต้นมีนาฯ

ผบ.ทบ.เผยสั่งถอนกำลังทหารจากกองทัพภาคอื่นพ้นชายแดนใต้ เปิดทางทัพภาค 4 ดูแลตัวเอง อ้างสอดรับสถานการณ์ดีขึ้น สถิติเหตุร้าย-ความสูญเสียลดกว่าครึ่ง ขยับโรดแมพสู่ขั้นที่ 3 สร้างสันติสุข ด้านฝ่ายความมั่นคงแย้ม แท้ที่จริงเป็นการส่งสัญญาณเริ่มพูดคุยกับกลุ่มผู้เห็นต่าง “บีอาร์เอ็น-พูโล” ดีเดย์ต้น มี.ค.นี้

สำนักข่าวอิศรา พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวก่อนเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อวันเสาร์ที่ 28 ก.พ.58 เพื่อติดตามความคืบหน้าการปฏิบัติของกองอำนวยการรักษาความภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค4 สน.) ในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบว่า กองทัพได้เตรียมถอนกำลังทหารจากภาคอื่นๆ ออกจากพื้นที่ชายแดนใต้ แล้วใช้กำลังจากกองทัพภาคที่ 4 เองเป็นหลัก โดยจะเริ่มดำเนินการในช่วงเดือน เม.ย.ที่จะถึงนี้

“ขณะนี้การดำเนินการแก้ไขปัญหาภาคใต้อยู่ในโรดแมพระยะที่ 2 ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามแผนเชิงรุกควบคู่ไปกับการพัฒนา กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ระยะที่ 3 คือการสร้างสันติสุขและพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเตรียมการที่จะประเมินผลโดยพิจารณาจากในพื้นที่และกำลังที่ต้องมีการสับเปลี่ยน โดยต้องการให้กำลังในพื้นที่ดูแลพื้นที่เอง กำลังจากกองทัพภาคต่างๆ ก็พยายามให้ลดน้อยลงไป เพื่อเข้าสู่ระยะที่ 3”

“ตามแผนคือจะให้กำลังในพื้นที่ดูแลในพื้นที่เอง โดยเฉพาะกำลังจากกองทัพภาคที่ 4 และจะเริ่มดำเนินการได้กลางปีนี้ ประมาณเดือน เม.ย.เป็นต้นไป โดยเริ่มจากพื้นที่ที่มีความพร้อมก่อน และหากมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรจะนำเรียน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.รมน. (ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร) ได้พิจารณาอีกครั้ง เพื่อขอให้สั่งการเพื่อดำเนินการต่อไป” พล.อ.อุดมเดช ระบุ

ผบ.ทบ.กล่าวอีกว่า ในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ได้มีการรับทราบผลการปฏิบัติงานในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีความพึงพอใจในการปฏิบัติและดูแลพื้นที่ให้เกิดความสงบ เพราะสถานการณ์ดีขึ้นเรื่อยๆ

“สำหรับผลการปฏิบัตินั้นผมไม่อยากพูดเป็นเปอร์เซ็นต์ เพราะชีวิตคนที่บาดเจ็บ สูญเสียตีเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ แต่หากพูดถึงจำนวนครั้งในการก่อเหตุ รวมถึงตัวเลขของผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต เมื่อเทียบกับห้วงที่ผ่านมา สามารถควบคุมจนทำให้สถิติลดลงไปถึงครึ่งหนึ่ง”

“แม้จะมีเหตุการณ์ระเบิดที่เมืองนราธิวาส เกิดผลกระทบด้านความรู้สึกและเกิดความเสียหายในพื้นที่ในเขตชุมชน เราก็เสียใจ และพยายามร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ ขณะนี้มีความคืบหน้า และออกหมายจับกับผู้ที่เราพิสูจน์ว่าเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงจำนวน 2 คน และรอการเชื่อมโยงไปถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ คาดว่าในไม่ช้าจะจับกุมผู้ที่ก่อเหตุทั้งหมดได้”

สำหรับภารกิจของ พล.อ.อุดมเดช ในพื้นที่ชายแดนใต้ ได้เดินทางไปที่ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี และประชุมติดตามความคืบหน้าผลการปฏิบัติงานของหน่วยในพื้นที่ โดยมี พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.รมน.ภาค 4 พร้อมนายทหารระดับสูง เข้าร่วมชี้แจงและบรรยายสรุป จากนั้นเดินทางลงพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา

พล.อ.อุดมเดช กล่าวในที่ประชุมตอนหนึ่งว่า เรื่องการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ อยู่ระหว่างการดำเนินการ 3 ระดับตามที่นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบาย โดยในระดับพูดคุยที่มี พล.อ.อักษรา เกิดผล เป็นหัวหน้าคณะพูดคุยนั้น ได้พบปะกับทางผู้อำนวยความสะดวกซึ่งเป็นผู้แทนจากรัฐบาลมาเลเซีย เพื่อหารือในรายละเอียดที่จะทำความเข้าใจให้สอดคล้องกัน ดังนั้นคงต้องใช้เวลาอีกสักนิดในส่วนนี้

ส่วนงานพูดคุยในระดับพื้นที่ ทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าเป็นผู้รับผิดชอบ แม่ทัพภาค 4 ก็ได้ดำเนินการอยู่ในการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งถือว่ามีความคืบหน้าในทางที่ดีขึ้นมาก

มีรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า การส่งสัญญาณถอนทหารจากภาคอื่นออกจากพื้นที่ชายแดนใต้นั้น เพื่อแสดงความพร้อมในการเริ่มกระบวนการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้ที่ผ่านมาจะมีการทยอยถอนกำลังพลจากกองทัพภาคต่างๆ ออกจากพื้นที่จนเหลือเพียง 5 กองพันเท่านั้น แต่ก็ยังไม่เคยมีการประกาศเป็นนโยบายอย่างเป็นทางการ ฉะนั้นการประกาศของ ผบ.ทบ.ครั้งนี้ จึงถือเป็นการส่งสัญญาณก่อนเริ่มกระบวนการพูดคุย

มีรายงานด้วยว่า ตั้งแต่ช่วงต้นถึงกลางเดือน มี.ค.นี้ จะมีการพบปะพูดคุยในทางลับระหว่างตัวแทนกลุุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ นำโดย ขบวนการบีอาร์เอ็น และพูโลทั้ง 3 กลุ่ม กับคณะพูดคุยฝ่ายไทยนำโดย พล.อ.อักษรา ผ่านการประสานงานของมาเลเซีย คาดว่าเป็นการทำความรู้จักและสร้างความคุ้นเคย โดยตัวแทนฝ่ายผู้เห็นต่างจากรัฐส่วนหนึ่งเป็นคนที่เคยร่วมโต๊ะพูดคุยสันติภาพกับคณะพูดคุยยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย เช่น นายอาวัง ยาบะ คนสนิทของนายฮัสซัน ตอยิบ หัวหน้าคณะพูดคุยฝ่ายบีอาร์เอ็น เป็นต้น

ความคิดเห็น

comments

ใส่ความเห็น