ยะไข่ไร้สงบ พม่า-ยะไข่ ยังเล่นกันหนัก

รัฐบาลพม่ากล่าวว่า รัฐบาลได้สั่งการให้ทหาร “บดขยี้” กลุ่มกบฏชาวยะไข่ ทางตะวันตกของประเทศ หลังพม่าเปิดศึกโจมตีหนักในพื้นที่อยู่อาศัยของชาวโรฮิงญาติดชายแดนบังกลาเทศ

สหประชาชาติระบุว่า การสู้รบระหว่างกองทัพพม่าและกองทัพอาระกัน(AA) ส่งผลให้ประชาชนในรัฐยะไข่ราว 5,000 คน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนตนเอง ในช่วงเดือนที่ผ่านมา

ความรุนแรงล่าสุดเน้นย้ำให้เห็นถึงความซับซ้อนของปัญหาความแตกแยกทางชาติพันธุ์ที่มีอยู่ในรัฐยะไข่มาอย่างยาวนาน ในพื้นที่ที่กลุ่มชาติพันธุ์ยะไข่จับมือทหารพม่า ร่วมกันปฎิบัติการทางทหารต่อชาวโรฮิงญาล่าสุดในปี 2560 ทำให้ชาวโรฮิงญาเกือบกว่า 730,000 คนหนีตายไปบังกลาเทศ

เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ กล่าวว่า มีเครื่องบินและรถบรรทุกทหารเข้ามาในรัฐยะไข่ตั้งแต่ต้นเดือน มกราคม ยิ่งเพิ่มความวิตกว่าความขัดแย้งอาจทวีความรุนแรงขึ้นมาอีกครั้งในรัฐยะไข่

การเกิดขึ้นของกลุ่มกองทัพอาระกันเป็นภัยคุกคามที่กำลังบ่อนทำลายคาวมหวังที่จะสร้างสันติภาพทั่วประเทศ ตามประกาศของนางซูจี

กองทัพอาระกันตั้งขึ้นเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน มีเป้าหมายเพื่อต่อสู้เรียกร้องการปกครองตนเองสำหรับชาวยะไข่ในพื้นที่อยู่อาศัยของชาวโรฮิงญา ที่อ้างเหตุผลว่าชาวยะไข่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากรัฐบาลกลางที่อยู่ห่างไกล แต่ชาวยะไข่ท้องถิ่นก็ยังคงร่วมมือกับทหารพม่าในการขับไล่ชาวโรฮิงญาอย่างต่อเนื่อง

กลุ่มติดอาวุธยะไข่มีฐานปฎิบัติการจริงอยู่ทางตอนเหนือของพม่านอกดินแดนยะไข่ โดยเริ่มจากสมาชิกกลุ่มชาวพุทธยะไข่เดินทางไปยังพื้นที่ภาคเหนือของพม่าเพื่อทำงานในเหมืองหยก เริ่มรวมตัวกันและฝึกฝนอยู่ในพื้นที่ตามแนวพรมแดนพม่ากับจีนซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของกองทัพกะฉิ่นอิสระ (KIA) หนึ่งในกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ใหญ่ที่สุดที่ยังจับปืนสู้รบกับทหารพม่า นักสู้ของกองทัพอาระกันได้ต่อสู้กับทหารพม่า เคียงข้าง KIA เป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรตอนเหนือในรัฐชานตั้งแต่ปลายปี 2559

หลังจากนั้น กองกำลังของกองทัพอาระกันได้ย้ายเข้าไปในพื้นที่ชายแดนตะวันตกติดกับอินเดียและบังกลาเทศ ที่เชื่อว่ามีนักสู้อยู่ราว 3,000 คน ขณะเดียวกัน กลุ่มได้เริ่มโฆษณาชวนเชื่อภายใต้เป้าหมายที่จะกระตุ้นให้เกิดการปฏิวัติทั่วรัฐยะไข่ในปี 2563

แม้รัฐยะไข่จะอุดมด้วยน้ำมันและทรัพยากรธรรมชาติ และเป็นพื้นที่ที่ได้รับความสนใจสำหรับการลงทุนในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีน แต่รัฐยะไข่ยังคงเป็นหนึ่งในรัฐที่ยากจนที่สุดของพม่า ซึ่งมีเพียง 17% ของครัวเรือนทั้งหมดในรัฐที่เข้าถึงน้ำดื่มปลอดภัยตลอดปี ซึ่งต่ำกว่าพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ ตามการสำรวจของธนาคารโลกเมื่อปี 2560 และยังพบว่าเกือบ 300,000 ครัวเรือน ไม่มีห้องน้ำ

พื้นที่ชายฝั่งที่รู้จักในชื่อยะไข่นี้ ตามประวัติศาสตร์เคยเป็นอาณาจักรอิสระอาระกันของกลุ่มชาวโรฮิงญาที่นับถือศาสนาอิสลาม มีวัฒนธรรม ภาษา และรูปแบบทางเศรษฐกิจของตนเอง จนกระทั่งการรุกรานของชาวพม่าในศตวรรษที่ 18

โดยในการเดินขบวนประท้วงของกลุ่มชาวพุทธยะไข่ที่ต้องการครอบครองดินแดนแห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือน มกราคม 2561 เนื่องในวาระครบรอบการโค่นล้มอาณาจักรอาระกันโดยมีนักการเมืองในท้องถิ่นเป็นแกนนำ จบลงด้วยเหตุนองเลือดเมื่อตำรวจเปิดฉากยิงกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง

บุคคลสำคัญของพรรคแห่งชาติอาระกัน (ANP) พรรคการเมืองที่ได้รับความนิยมที่สุดของกลุ่มชาวพุทธยะไข่ ถูกจับกุมตัว และถูกตั้งข้อหากบฏ พร้อมกับนักเคลื่อนไหวอีกราย ซึ่งพวกเขายังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี ชาวยะไข่จำนวนมากไม่พอใจพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของนางอองซานซูจี ที่แต่งตั้งมุขมนตรีของตัวเองมาประจำรัฐ แม้พรรค ANP จะชนะที่นั่งส่วนใหญ่ในรัฐในการเลือกตั้งในปี 2558 ก็ตาม

แม้จะมีการปะทะกับทหารอยู่บ้างประปรายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่กองทัพอาระกัน ระบุว่า กลุ่มต่อสู้กับกองกำลังรักษาความมั่นคงมาแล้วอย่างน้อย 24 ครั้ง ในช่วง 2-3 เดือนมานี้ โดยอ้างเป็นการตอบโต้การโจมตีของทหารในรัฐยะไข่ที่มุ่งเป้าพลเรือนชาวพุทธ

“รัฐยะไข่ต้องมีกองทัพของตนเอง การมีกลุ่มติดอาวุธหมายถึงความอยู่รอดของชาติพันธุ์ยะไข่” หัวหน้ากองทัพอาระกัน กล่าวกับเว็บไซต์ข่าวอิรวดีของพม่าในสัปดาห์นี้ 

รัฐบาลระบุว่า กองทัพอาระกันเป็นองค์กรก่อการร้าย และสามารถบ่อนทำลายเสถียรภาพของรัฐไปอีกนานหลายปี ซ้ำยังกล่าวกาว่ากลุ่มชาวพุทธยะไข่ที่เคยจับมือกับทหารในการขับไล่ชาวโรฮิงญาว่าไปจับมือกับชาวโรฮิงญาต่อต้านพม่า

แอนโธนี เดวิส นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงจากบริษัทวิจัยไอเอชเอส-มาร์คิต (IHS Markit) ระบุว่า กองทัพอาระกัน ที่ได้ฝึกฝนกับกบฏกะฉิ่น อาจก่อให้เกิดภัยคุกคามทางทหารมากกว่ากองทัพปลดปล่อยโรฮิงญาแห่งอาระกันที่พม่าอ้างเป็นเหตุในการปราบปรามชาวโรฮิงญาในปี 2560 ดูเหมือนว่านักยะไข่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี และมีอาวุธครบมือ และความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้เป็น “จุดพลิกผัน” สำหรับความขัดแย้ง

ความคิดเห็น

comments