ชัด!!ก๊าซคอรีนถูกใช้โจมตีพลเรือนในดูมา

เจ้าหน้าที่สังเกตการณ์อาวุธเคมีของสหประชาชาติกล่าวเมื่อวันศุกร์(1 มีนาคม)ว่ามีการใช้ก๊าซคลอรีนโจมตีพลเรือนในเมืองดูมาของซีเรียในปี 2018 เป็นการระบุชัดเจนในรายงานสรุปขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการโจมตีร้ายแรงในพื้นที่ดังกล่าว

อาหรับนิวส์เปิดเผยรายงานขององค์การเพื่อการห้ามใช้อาวุธเคมี (OPCW) หลังจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุโจมตีด้วยอาวุธเคมีที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 43 คนไปยังที่ตั้งของการโจมตีซึ่งพยานกล่าวว่าเสียชีวิต 43 คน

มหาอำนาจตะวันตกที่นำโดยสหรัฐอเมริกาชี้ว่าระบอบการปกครองของบาชาร์ อัล-อัสซาดเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีร้ายแรงดังกล่าวต่อเป้าหมายพลเรือนในพื้นที่ปกครองของฝ่ายต่อต้านซีเรีย

องค์กรเฝ้าระวังที่กรุงเฮกกล่าวว่ามีถังบรรจุก๊าซคอรีนถูกทิ้งใส่ตึกทีี่มีพลเรือนอาศัยอยู่ในเขตเมือง

รายงาน OPCW กล่าวว่ามี “หลักฐานที่ชี้ว่าการใช้สารพิษเป็นอาวุธได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2018 สารเคมีที่เป็นพิษนี้มีคลอรีนเป็นตัวทำปฎิกริยา”

อย่างไรก็ตามรายงานระบุว่าไม่พบหลักฐานของการใช้งานก๊าซทำลายประสาทใน Douma ซึ่งเคยถูกกล่าวหาโดยบางฝ่ายในความขัดแย้ง

รายงานผลการสอบสวนของ OPCW ในเบื้องต้นที่เผยแพร่เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาชี้ว่ามีการพบร่องรอยของก๊าซคลอรีน

รายงานไม่ได้สรุปในขณะนั้นว่าใครเป็นผู้โจมตี เนื่องจากไม่ได้รับมอบหมายให้สืบสวนในด้านนั้น

ด้านรัสเซียซึ่งสนับสนุนอัสซาดปฏิเสธรายงานดังกล่าว และกล่าวหาว่าการโจมตีด้วยอาวุธเคมีนั้นเป็นการ “จัดฉาก” ของกลุ่มอาสาสมัครช่วยเหลือชาวซีเรียที่รู้จักกันในชื่อ White Helmets

“ถึงแม้จะมีหลักฐานทั้งหมดที่นำเสนอโดยรัสเซีย, ซีเรีย และแม้แต่นักข่าวชาวอังกฤษ(ที่นิยมรัสเซีย)ชี้ว่าเหตุการณ์ในเมือง Douma เป็นการยั่วยุของ ‘White helmets’ แต่สำนักเลขาธิการของ OPCW กลับระบุในรายงานของสรุปชี้ว่าก๊าซคลอรีนถูกใช้ใน Douma เป็นอาวุธเคมี” สถานทูตรัสเซียในกรุงเฮกเริ่มทวีต

นาย Jeremy Hunt รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษกล่าวว่าซีเรียควรยึดมั่นในคำสัญญาในปี 2013 ที่จะทำลายอาวุธเคมีทั้งหมดหลังจากที่มีผู้เสียชีวิต 1,400 คนในเมือง Ghouta ของ Damascus ในสิ่งที่สหประชาชาติกล่าวว่าเป็นการโจมตีโดยใช้ก๊าซพิษทำลายประสาท

มันถูก “ยืนยันแล้ววันนี้โดย @OPCW ว่ามีการใช้อาวุธเคมีในเมืองดูม่าประเทศซีเรียในเดือนเมษายน 2018 ระบอบอัสซาดต้องหยุด และทำลายอาวุธเคมีของตน เรายังคงมุ่งมั่นที่จะแสวงหาความยุติธรรมสำหรับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ” รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ กล่าวทางทวีต

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของฝรั่งเศส Jean-Yves Le Drian ได้แสดงความคิดเห็นโดยเรียกร้องให้ “ระบอบการปกครองของอัสซาดต้องยุติการใช้อาวุธเคมี และสำหรับผู้กระทำความผิดที่ต้องถูกลงโทษ”

ทีมผู้ตรวจสอบ OPCW ได้รับตัวอย่างมากกว่า 100 ตัวอย่างจาก 7 พื้นที่ใน Douma เมื่อพวกเขาเข้าถึงเมืองหลังจากถูกขัดขวางจากระบอบอัสซาด ในการเข้าถึงพื้นที่เป็นเวลาหลายสัปดาห์

OPCW กล่าวว่าได้รายงานตาม “พยาน” และผลการวิเคราะห์ตัวอย่างด้านสิ่งแวดล้อม และชีวการแพทย์ รวมถึงการวิเคราะห์ทางพิษวิทยา และผู้เชี่ยวชาญด้านขีปนาวุธ”

รายงานกล่าวว่า “พบถังที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมสีเหลือง 2 ใบสำหรับก๊าซแรงดันสูง” ซึ่งหนึ่งในนั้นมีหลักฐานยืนยันได้ว่ามันตกลงจากบนฟ้า และพุ่งเข้าใส่ที่อยู่อาศัยของพลเรือน

รายงานระบุอีกว่ามัน “เป็นไปได้ว่าถังดังกล่าวเป็นแหล่งกำเนิดของสารที่มีคลอรีนรีเป็นตัวทำปฎิกริยา”

OPCW กล่าวว่าพยานบอกกับทีมว่ามี “พลเรือน 43 คนที่ได้รับผลกระทบจากสารเคมีที่ถูกพบในวิดีโอ และภาพถ่ายที่เผยให้เห็นพวกเขานอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นของอาคารอพาร์ตเมนต์หลายชั้น และด้านหน้าอาคารดังกล่าว”

วิดีโอ “ระบุว่าการสัมผัสกับสารทำให้ระคายเคือง หรือการสูดดมสารพิษ” และทำให้เกิดอาการไหม้ต่อดวงตา และเกิดฟองออกจากปาก แม้ว่าจะไม่สามารถเชื่อมโยงสิ่งเหล่านั้นกับสารใด ๆ ได้โดยตรง

องค์กรเฝ้าระวังยังปฏิเสธข้ออ้างของระบอบการปกครองอัสซาดว่าก๊าซนั้นมาจากโรงงานผลิตอาวุธเคมี และคลังเก็บอาวุธของฝ่ายต่อต้านซีเรีย

“จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมระหว่างการลงพื้นที่ไปยังคลังสินค้า และโรงงานที่ถูกกล่าวหาว่าผลิตอาวุธเคมีนั้นไม่มีข้อบ่งชี้ว่าโรงงานใดมีส่วนเกี่ยวข้องในการผลิตอาวุธตามข้อกล่าวหา” รายงานระบุ

รายงานจะถูกส่งไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

OPCW อยู่ในระดับแนวหน้าของการสอบสวนการโจมตีทางเคมีในช่วงสงครามกลางเมืองซีเรีย 8 ปีโดยผู้ตรวจสอบยืนยันก่อนหน้านี้ว่าการใช้ “คลอรีน, มัสตาร์ด, กำมะถัน และ sarin เป็นอาวุธเคมี” ในการโจมตีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขั้น

ด้านองค์กรเฝ้าระวังชี้ว่า รัสเซียมีศักยภาพในการผลิต และใช้งานอาวุธเคมีเหล่านี้ และเป็นผู้ให้การสนับสนุนหลักต่อระบอบการปกครองบาชาร์ อัล-อัสซาด

ความคิดเห็น

comments