เกิดเหตุชุลมุนเมื่อวุฒิสมาชิกออสเตรเลียขวาจัดหัวรุนแรงคนหนึ่งพุงเข้าไปชกหน้าเด็กหนุ่มที่ ‘ปาไข่’ ใส่เขาในวันเสาร์ (16 มีนาคม) โดยต้นเหตุเกิดจากความไม่พอใจที่ ส.ว.หัวรุนแรงรายนี้ออกมาแถลงกล่าวหาว่าชาวมุสลิมเป็นต้นเหตุของการก่อการร้ายกราดยิงมัสยิดที่เมืองไครสต์เชิร์ช ของนิวซีแลนด์
ส.ว.เฟรเซอร์ แอนนิง แนวร่วมกลุ่มหัวรุนแรงผิวขาว จากรัฐควีนส์แลนด์ถูกประชาคมโลกประณามอย่างรุนแรง หลังจากที่เขาออกมากล่าวว่า ‘การรุกรานของผู้อพยพ’ คือปัจจัยที่นำมาสู่เหตุกราดยิงคนตาย 49 ศพที่มัสยิด 2 แห่งในเมืองไครสต์เชิร์ชของนิวซีแลนด์เมื่อวันศุกร์ (15)
ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจที่เกิดขึ้น เด็กหนุ่มคนหนึ่งได้ถือไข่เข้าไปปาใส่ศีรษะของ นายแอนนิง ขณะที่เขากำลังให้สัมภาษณ์ที่นครเมลเบิร์น ทำให้เจ้าตัวหันไปชกหน้าเด็กหนุ่มแบบไม่ยั้ง กระทั่งหน่วยรักษาความปลอดภัยเข้ามาช่วยรุมสกรัมเด็กหนุ่มดังกล่าว
แอนนิง ได้ออกคำแถลงเมื่อวันศุกร์ (15) กล่าวหาว่าเหตุการณ์สังหารหมู่ชาวมุสลิม 49 คนที่เมืองไครสต์เชิร์ชเป็นผลมาจากการปล่อยให้ผู้อพยพมุสลิมเข้ามาตั้งถิ่นฐานมากเกินไป
“ผมไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงในชุมชนของเราทุกรูปแบบ และขอประณามการกระทำของมือปืนรายนี้ อย่างไรก็ตาม แม้ระบบศาลเตี้ยจะไม่มีเหตุผลใดๆ รองรับ แต่มันก็ย้ำให้เห็นถึงความกลัวที่กำลังเกิดขึ้นในชุมชนของเรา ทั้งในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ต่อการเพิ่มขึ้นของชาวมุสลิม”
นายกรัฐมนตรี สก็อตต์ มอร์ริสัน แห่งออสเตรเลียตำหนิ ส.ว.รายนี้ว่าใช้คำพูดที่ “น่าตกตะลึง”, “น่ารังเกียจ” และ “ไม่สมควรมีอยู่ในออสเตรเลีย” และเตรียมเสนอให้รัฐสภาลงมติประณามคำพูดของเขา
นายแอนนิง ได้รับตำแหน่ง ส.ว.เมื่อปี 2017 ตามระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วน (propotional voting system) ในฐานะตัวแทนเขตชนบทแห่งหนึ่งในรัฐควีนส์แลนด์ และมีประวัติพูดจาดูหมิ่นเชื้อชาติมาแล้วหลายครั้ง
ทั้งนี้เขาเคยถูกไล่ออกจากพรรคเมื่อเดือน ต.ค. ปี 2018 หลังออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับการรับชาวมุสลิมและผู้อพยพที่พูดอังกฤษไม่ได้ และยังเรียกร้อง “ทางออกสุดท้าย” (The final solution) สำหรับปัญหานี้ ซึ่งวลีดังกล่าวมีที่มาจากคำสั่งฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2