UN เตือน โลกจะขาดแคลนน้ำขั้นรุนแรงใน 15 ปี หากผู้คนทั่วโลกยังไม่เปลี่ยน “พฤติกรรมการใช้น้ำ”

สหประชาชาติออกโรงเตือนผ่านรายงานฉบับล่าสุดซึ่งมีการเผยแพร่ที่กรุงนิวเดลีของอินเดีย โดยระบุ พื้นที่กว่าร้อยละ 40 ของโลกจะประสบปัญหาขาดแคลนน้ำภายในปี 2030 หรือ 15 ปีข้างหน้า หากผู้คนในประเทศต่างๆยังไม่รู้จักปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำอย่างสำคัญ

รายงานฉบับล่าสุดของยูเอ็นระบุว่า ขณะนี้ปริมาณของแหล่งน้ำใต้ดินทั่วโลกได้ลดต่ำลงและเหลือน้อย ขณะที่หลายพื้นที่ของโลกต่างประสบปัญหาฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลจากผลพวงของการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าจำนวนประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 9,000 ล้านคนภายในปี 2050 ซึ่งจะส่งผลให้เกิดปัญหาขาดแคลนน้ำขั้นรุนแรงทั้งในแง่ของการใช้น้ำเพื่อการเกษตร อุตสาหกรรม และการใช้น้ำในชีวิตประจำวันตามบ้านเรือน

รายงานดังกล่าวคาดการณ์ว่า ความต้องการใช้น้ำทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 55 ภายในปี 2050 แต่หากพฤติกรรมการใช้น้ำของผู้คนทั่วโลกยังดำเนินต่อไปเช่นทุกวันนี้ โลกของเราก็จะเหลือน้ำเพียงพอใช้เพียงร้อยละ 60 ของความต้องการใช้น้ำทั้งหมดภายใน 15 ปีจากนี้ หรือในปี 2030

ทั้งนี้ รายงานระบุด้วยว่า การเร่งพัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานของความไม่ยั่งยืน ตลอดจนความไร้จิตสำนึกในการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า จะยิ่งส่งผลให้ปัญหาขาดแคลนน้ำของโลกเลวร้ายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนน้ำดื่มที่สะอาดที่กำลังคุกคามความเป็นอยู่ของผู้คนกว่า 748 ล้านคนในเวลานี้

ความคิดเห็น

comments

ใส่ความเห็น