ผลสอบ“ทุ่งยางแดง”ชัด 4 ศพ ไม่ใช่แนวร่วม ไม่เชื่อมโยงกับปืนในที่เกิดเหตุ

คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณี 4 ศพทุ่งยางแดง สรุปผู้ตายไม่ใช่แนวร่วมขบวนการก่อเหตุรุนแรง เพียงแค่เคยถูกจับในคดียาเสพติดเท่านั้น และไม่มีความเชื่อมโยงกับอาวุธปืนที่พบ เลขาฯ ศอ.บต.เยียวยาเบื้องต้นรายละ 5 แสนบาท

ASTV รายงานเมื่อวันที่ 7 เมษายน เมื่อเวลา 10.30 น. ที่โรงแรมปาร์ควิวปัตตานี นายวีรพงศ์ แก้วสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วย นายเถกิงศักดิ์ ยศสิริ รอง ผวจ.ปัตตานี ในฐานะประธานกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีบ้านโต๊ะชูด ตำบลพิเทน อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 มีนาคม ที่ผ่านมา พร้อมด้วยคณะกรรมการอีก จำนวน 13 ท่าน

ได้ร่วมกันแถลงผลการสอบข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชน โดย นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี 1 ในกรรมการ ได้เป็นผู้อ่านผลสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ เช่น พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต. พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงค์ ผบก.ภจว.ปัตตานี นายสมโภช สุวรรณรัตน์ รอง ผวจ.ปัตตานี นายอำเภอทุ่งยางแดง สื่อมวลชนทุกแขนง และญาติของครอบครัวผู้เสียชีวิตมาร่วมรับฟังจำนวนมาก

นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี 1 ในกรรมการ กล่าวผลการสอบว่า เมื่อคณะกรรมการได้พิจารณาถ้อยคำ และหลักฐานจากฝ่ายต่างๆ แล้ว ฟังความได้ว่า เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2558 ที่บ้านโต๊ะชูด ก่อนเกิดเหตุครั้งนี้ได้มีคน 3 กลุ่มไปที่บ้านที่กำลังก่อสร้างซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ อันได้แก่ กลุ่มคนงานก่อสร้างบ้าน กลุ่มที่เข้าเจรจาค่าเสียหายเรื่องรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุ และกลุ่มคนที่เข้าไปมั่วสุมเพื่อที่จะเสพยาเสพติดบริเวณที่เกิดเหตุ ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ได้มีกองกำลังของเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษช่วยส่วนรวม (นปพ.ช่วยส่วนรวม) เข้าปิดล้อมตรวจค้น และควบคุมบุคคลทั้ง 3 กลุ่ม ได้จำนวน 22 คน โดยใช้อำนาจตามกฎอัยการศึกโดยสงสัยว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง

กรรมการสอบข้อเท็จจริงกล่าวว่า ขณะปิดล้อมตรวจค้นได้มีกลุ่มคนในที่เกิดเหตุ จำนวน 5 คน ได้วิ่งหลบหนีการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ไปด้านหลังของบ้านที่กำลังก่อสร้าง โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่บางส่วนโอบล้อมไล่ติดตาม ต่อมา ได้มีการใช้อาวุธปืนฆ่ากันตายที่บริเวณสวนยางพารา ห่างจากบ้านที่กำลังก่อสร้างที่เกิดเหตุประมาณ 300 เมตร เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน ประกอบด้วย นายคอลิด สาแม็ง นายมะดารี แม้เราะ นายซัดดำ วานุ และนายซูไฮมี เซ็น

โดยได้ตรวจพบอาวุธปืน และวัตถุระเบิดจำนวนหลายรายการตกอยู่บริเวณศพผู้ตายทั้ง 4 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่อ้างว่ากระทำวิสามัญฆาตกรรมผู้ตายทั้ง 4 คน คณะกรรมการมีความเห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีความต่อเนื่องที่สามารถแบ่งออกเป็น 2 ช่วงเวลา นั้นคือ ช่วงแรก คือ การปิดล้อมตรวจค้นของเจ้าหน้าที่บริเวณบ้านที่กำลังก่อสร้าง และช่วงที่ 2 ซึ่งเป็นเหตุการณ์วิสามัญบริเวณสวนยางพารา ห่างจากจุดแรกประมาณ 300 เมตร

ต่อประเด็นที่ว่า ผู้ตายทั้ง 4 คน เป็นผู้กระทำความผิดกฎหมายอาญา หรือเป็นกลุ่มก่อเหตุรุนแรง หรือแนวร่วมหรือไม่ คณะกรรมการฯ ได้ตรวจสอบจากพยานหลักฐานคำให้การยืนยันของผู้นำชุมชน อาจารย์มหาวิทยาลัยฟาฏอนี รวมทั้งตรวจสอบด้านการข่าว ไม่ปรากฏว่า ผู้ตายทั้ง 4 คน มีพฤติกรรมเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรง หรือแนวร่วมมาก่อน จะมีเพียงผู้ตายบางคนมีส่วนเกี่ยวข้อ งและเคยถูกจับกุมคดียาเสพติดเสพน้ำกระท่อม และข้อเท็จจริงจากพยานบุคคลยืนยันว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุถึงแก่ความตาย และขณะวิ่งหลบหนีการควบคุมของเจ้าหน้าที่ไม่ปรากฏว่า ผู้ตายทั้ง 4 คน ครอบครองอาวุธปืนแต่อย่างใด และผลการตรวจพิสูจน์อาวุธปืนที่พบใกล้ศพผู้ตายก็ไม่ปรากฏประวัติการก่อเหตุรุนแรงในคดีอื่น ในชั้นนี้กรรมการมีความเห็นว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 4 คนไม่ใช่ผู้ก่อเหตุรุนแรง และไม่ใช่แนวร่วมกลุ่มก่อเหตุรุนแรงแต่อย่างใด

กรณีที่เกิดขึ้นอันเป็นเหตุให้มีผู้ถึงแก่ความตาย จำนวน 4 คน เนื่องจากเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐต่อผู้บริสุทธิ์ และเป็นเหตุสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเข้าองค์ประกอบการช่วยเหลือเยียวยาตามระเบียบ กพต.ว่าด้วยการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับความเสียหาย และผู้ได้รับผลกระทบอับเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ สืบเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2555 จึงเห็นสมควรเสนอให้มีการเยียวยาตามระเบียบดังกล่าวโดยเร็ว

หลังมีการแถลงเสร็จ นายภานุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต. ได้กล่าวยืนยันที่จะนำคำวินิจฉัยรวมทั้งข้อเสนอแนะต่างๆ ไปดำเนินการในเรื่องการแก้ไขปัญหา และพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อให้เกิดความสงบสุข โดยเฉพาะเรื่องของการให้ความช่วยเหลือเยียวยาทั้งผู้ที่เสียชีวิต และผู้ที่ถูกควบคุมตัว ซึ่งมีระเบียบ กฎเกณฑ์อยู่แล้ว พร้อมกับได้มีการมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้นแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 4 ราย เป็นเงินจำนวนรายละ 500,000 บาท

ลูกเหยื่อ “ปุโละปุโย” คดีพ่อคล้ายทุ่งยางแดง แต่ 3 ปียังไม่คืบ

นางสาวอาอิดะห์ บือราเฮง ลูกสาวของเหยื่อในเหตุการณ์ที่ปุโละปุโย กล่าวว่า 3 ปีผ่านไป ทุกอย่างเงียบหายไปกับกาลเวลา ไม่สามารถติดตามความคืบหน้าจากที่ไหนได้ ผลการตรวจสอบปืนออกมามีผลอย่างไร ปืนเป็นของใคร (เจ้าหน้าที่อ้างว่ามีปืนอยู่ในรถของชาวบ้าน) ปืนอยู่ที่ไหน ใครเป็นคนเอาปืนไปเก็บ คนที่กระทำเป็นใคร อยู่ที่ไหน ถูกจับ ถูกดำเนินคดีอยู่ หรือยังปฏิบัติงานตามปกติ ชาวบ้านไม่มีใครรู้ได้เลย

“ยังแอบคิดเลยว่าดีไม่ดีเจ้าหน้าที่กลุ่มนั้นย้อนกลับมาทำร้าย พวกเราหรือเปล่า ชาวบ้านก็กลัวนะ แต่ก็ต้องอยู่กันต่อไปอย่างระแวดระวังตัวเอง ก็อยากให้ทุกฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่ ชาวบ้าน ผู้ได้รับผลกระทบ และคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ใช้ประสบการณ์ที่ปุโละปุโยเป็นบทเรียน ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บ้านโต๊ะชุด เชื่อว่าคงต้องตามแก้กันต่อไป เป็นคนที่นี่ต้องอดทน และเชื่อว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย” ลูกสาวเหยื่อเหตุการณ์ 4 ศพปุโละปุโย กล่าว

ทั้งนี้เหตุการณ์ที่บ้านน้ำดำ ต.ปุโละปุโย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เกิดขึ้นเมื่อ 29 มกราคม 2555 ซึ่งมีการใช้อาวุธของเจ้าหน้าที่เหมือนกัน มีการร้องเรียนว่าผู้ตายและผู้บาดเจ็บไม่ใช่คนร้ายเช่นกัน และมีการตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมาสอบข้อเท็จจริงเหมือนกันและมีบทสรุปออกมาว่าเจ้าหน้าที่กระทำการเกินกว่าเหตุ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าของคดีดังกล่าวแต่อย่างใด

ความคิดเห็น

comments

ใส่ความเห็น