ศาลอินโดนีเซียพิพากษาในวันจันทร์ (13) ให้จำคุกชาวอุยกูร์ที่เป็นชนกลุ่มน้อยจากประเทศจีนจำนวน 3 คน เป็นเวลาคนละ 6 ปี ภายหลังคนเหล่านี้ถูกจับกุมขณะพยายามหาทางเข้าร่วมกับกลุ่มสุดโต่ง ซึ่งนำโดยบุคคลหัวรุนแรงที่มีชื่ออยู่ในบัญชีคนร้ายซึ่งเป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดของอินโดนีเซีย
คณะผู้พิพากษา 3 คนของศาลเขตจาการ์ตาเหนือ ตัดสินว่า อะหมัด มะหมุด วัย 20 ปี, อับดุลบาซิร ตูเซอร์ วัย 24 ปี, และ อับดุลเลาะห์ หรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า อัลตินซี บายย์รัม วัย 28 ปี มีความผิดจริงตามกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายและกฎหมายคนเข้าเมืองของอินโดนีเซีย
ชายหนุ่มเหล่านี้ถูกจับกุมในเดือนกันยายนปีที่แล้ว พร้อมกับชายชาวอุยกูร์อีกผู้หนึ่งซึ่งมีชื่อว่า อะหมัด โบโซกลัน และชายชาวอินโดนีเซียอีก 3 คน โดยที่ทางอัยการซึ่งเป็นโจทก์ฟ้องว่า ขณะจับกุมตัวนั้นพวกเขากำลังพยายามติดต่อหาทางพบปะกับ อบู วอร์ดะห์ ซันโตโซ บุคคลซึ่งเป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดของอินโดนีเซีย ในเขตจังหวัดเซนทรัลสุลาเวสี ซึ่งอยู่บนเกาะสุลาเวสี ทางตอนกลางของหมู่เกาะอินโดนีเซีย
ซันโตโซ ซึ่งเป็นหัวหน้าของกลุ่มที่เรียกกันว่า “นักรบมูจาฮีดีนอินโดนีเซียตะวันออก” (อีสต์ อินโดนีเซีย มูจาฮีดีน) ถูกกล่าวหาว่าได้สังหารตำรวจอินโดนีเซียไปหลายราย อีกทั้งได้แสดงความจงรักภักดีต่อกลุ่ม ISIL ด้วย ทางการอินโดนีเซียได้ประกาศให้กลุ่มนี้เป็นพวกนอกกฎหมาย
คุน มาริโอโซ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะ ระบุในการตัดสินว่า ศาลพบว่าจำเลยเหล่านี้ได้สมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่นำโดยซันโตโซ และเคลื่อนไหวอยู่ในเขตโปโซ ของจังหวัดเซนทรัลสุลาเวสี อีกทั้งได้ใช้หนังสือเดินทางตุรกีที่เป็นเอกสารปลอม เขตโปโซนั้นเป็นสถานที่เกิดความรุนแรงระหว่างชาวคริสต์กับชาวมุสลิมเมื่อปี 2001 และ 2002 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 1,000 คน
นอกจากถูกจำคุกคนละ 6 ปีแล้ว จำเลยทั้ง 3 คนนี้ยังถูกตัดสินให้จ่ายค่าปรับคนละ 100 ล้านรูเปียห์ (ราว 7,500 ดอลลาร์) ไม่เช่นนั้นก็จะถูกเพิ่มโทษจำคุก 6 เดือน
สำหรับ โบโซกลัน และชายชาวอินโดนีเซีย 3 คน กำลังถูกแยกฟ้องร้องในอีกคดีหนึ่ง ซึ่งคาดกันว่าศาลจะมีคำตัดสินออกมาในช่วงต่อไปของเดือนนี้
ทางการอินโดนีเซียนั้นในตอนแรกๆ คิดว่า ชาวอุยกูร์ทั้ง 4 คนนี้มาจากประเทศตุรกี ที่มีความผูกพันทางภาษาและทางชาติพันธุ์กับชาวอุยกูร์ ทั้งนี้บ้านเกิดของชาวอุยกูร์นั้นอยู่ในเขตปกครองซินเจียงทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน
เริ่มตั้งแต่ประมาณปี 2009 มีชาวอุยกูร์กลุ่มต่างๆ เดินทางจากจีนเข้าไปทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยความมุ่งหวังที่จะเดินทางต่อไปให้ถึงตุรกีเพื่อขอลี้ภัย โดยพวกเขาระบุว่าถูกทางการจีนกล่าวโทษฟ้องร้อง และถูกกดขี่ทางวัฒนธรรมและทางศาสนา
ขณะที่ทางการจีนกล่าวหาว่า มีชาวอุยกูร์จำนวนหนึ่งเดินทางไปเข้าร่วมกับกลุ่ม ISIL และบางส่วนได้เดินทางกลับบ้านเพื่อเข้าร่วมในแผนการในซินเจียง
