ไทยกิน “นมแม่” น้อยสุดในโลก หวั่นลูกกินน้ำตามทำสารอาหารลดลง

ไทยติดอันดับยอดแย่ 1 ใน 10 ประเทศเลี้ยงลูกด้วย “นมแม่” อย่างเดียวนาน 6 เดือน น้อยสุดในโลก เหตุแม่เกือบครึ่งเชื่อให้ลูกกินน้ำหลังกินนมเพื่อล้างปาก นักวิชาการเร่งศึกษาน้ำทำให้สารอาหารจากนมแม่น้อยลง สธ.จวก บริษัทนมผงโฆษณาจูงใจแม่ให้ซื้อ จนพลาดโอกาสเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เร่งชง กฎหมายคุมการตลาดอาหารทารกต่อ ครม.ในเดือนนี้

ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า วันที่ 12 ส.ค.ของทุกปี เป็นวันแม่แห่งชาติ ซึ่งการพัฒนาสุขภาพของแม่และเด็กถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการพัฒนาคนไทยให้มีสุขภาพแข็งแรง โดยปีนี้เน้นหนัก 2 เรื่อง คือ 1. โครงการฝากครรภ์ได้ทุกที่ ฟรีทุกสิทธิ์ โดยให้ฝากครรภ์ทันทีที่รู้ว่าตั้งครรภ์หรือก่อนอายุครรภ์ 3 เดือน ยิ่งเร็วยิ่งดี เด็กจะได้รับการดูแลครบถ้วน ทั้งสารอาหารที่จำเป็น ไม่เป็นโรคกรรมพันธุ์ โดยปีนี้ดำเนินการได้ร้อยละ 60 จากหญิงตั้งครรภ์ที่มีประมาณปีละ 8 แสนราย โดยจะรณรงค์ให้ได้สูงกว่าร้อยละ 80 และ 2. การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวติดต่อกัน 6 เดือน ไม่ต้องให้น้ำหรืออาหารอื่น หลังจากนั้น จึงให้กินนมแม่ร่วมกับอาหารอื่นจนถึง 2 ปี ตั้งเป้าให้ได้ร้อยละ 30 เนื่องจากนมแม่เป็นอาหารของลูกที่ดีที่สุด มีสารอาหารกว่า 200 ชนิด ช่วยร่างกายเติบโต พัฒนาสมอง จอประสาทตา เด็กสามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้เร็ว การโอบกอด การสบตา พูดคุยของแม่ขณะให้นมลูก ทำให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย มีความสุข ช่วยกระตุ้นให้สมองทำงาน มีผลต่อการคิด เรียนรู้ จินตนาการ ผลวิจัยทั่วโลกยืนยันตรงกันว่าเด็กที่กินนมแม่จะมีไอคิวสูงกว่าเด็กที่ไม่ได้กิน 5 – 11 จุด

“ผลสำรวจอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนของไทย ในปี 2554 อยู่ที่ร้อยละ 12 ติดอันดับ 1 ใน 10 ประเทศที่มีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนน้อยที่สุดของโลก เนื่องมาจากยังมีแม่ร้อยละ 47 ที่เชื่อว่าต้องให้ลูกกินน้ำตามหลังกินนมแม่เพื่อล้างปาก นักวิชาการอยู่ระหว่างการศึกษาว่า น้ำที่เด็กกินเข้าไป มีผลให้เด็กได้สารอาหารจากนมแม่น้อยลงหรือไม่ นอกจากนี้ ยังเป็นผลมาจากการโฆษณาของบริษัทผลิตภัณฑ์นมผง อวดอ้างสรรพคุณว่ามีสารช่วยให้เด็กฉลาด แข็งแรง ทำให้แม่เข้าใจผิด พลาดโอกาสทองเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ช่วง 2 ปีแรกเป็นช่วงที่สมองกำลังพัฒนาสูงสุด จึงเร่งผลักดันกฎหมายควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็กและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง คาดว่า จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายในเดือนนี้” ศ.นพ.รัชตะ กล่าว

นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัย ได้เร่งพัฒนาระบบบริการแม่และเด็ก มี “มิสนมแม่” ให้ความรู้ฝึกทักษะการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในโรงพยาบาลทุกระดับทั่วประเทศ 10,527 แห่ง ให้ความรู้ อสม. เรื่องนมแม่ ร่วมกับทีมหมอครอบครัว ออกเยี่ยมบ้านหญิงหลังคลอด 7 วันทุกคนในชุนชม หมู่บ้าน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ประสบความสำเร็จ และจัดโครงการตำบลพัฒนาการเด็กดีเริ่มที่นมแม่ สร้างครอบครัวต้นแบบเด็กพัฒนาการดี เริ่มที่นมแม่ ระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในชุมชน จัดทำแผนพัฒนาตำบลโดยชุมชนมีส่วนร่วมสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน เพื่อให้เด็กที่มีพัฒนาการสมวัยเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 85 ล่าสุด มีตำบลที่ผ่านเกณฑ์แล้ว 786 ตำบล จากประมาณ 7,000 ตำบลทั่วประเทศ

ความคิดเห็น

comments