สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ตำรวจอิตาลีได้จับกุมตัวผู้ต้องสงสัยลักลอบค้ามนุษย์ 2 รายที่อยู่ในบรรดาผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เรือบรรทุกผู้อพยพล่มนอกชายฝั่งลิเบียเมื่อวันที่ 19 เมษายนที่ผ่านมา ที่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 800 ราย นับเป็นหายนภัยครั้งร้ายแรงที่สุดของผู้อพยพในทะเลเมดิเตอเรเนียน
ทางการอิตาลีระบุว่าได้ควบคุมตัวชายชาวตูนิเซียที่เชื่อว่าเป็นกัปตันเรือลำดังกล่าวและลูกเรือชาวซีเรียที่เชื่อว่าเป็นลูกน้องคนสนิทซึ่งเป็น 2 ใน 27 ผู้รอดชีวิตที่เดินทางมาถึงท่าเรือในเมืองคาตาเนีย บนเกาะซิซิลี เมื่อเย็นวันที่ 20 เมษายน โดยทั้งคู่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาค้ามนุษย์ ขณะที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชอาร์ซี) และองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (ไอโอเอ็ม) ได้เปิดเผยถึงเหตุการณ์ดังกล่าวจากปากคำของพยาน โดยน.ส.คาร์ล็อตตา ซามี โฆษกของยูเอ็นเอชอาร์ซีในอิตาลีระบุว่า “เราสามารถบอกได้ว่ามีผู้เสียชีวิตมากถึง 800 คน”

นอกจากนี้ ซามีเผยว่า ในบรรดาผู้รอดชีวิตยังมีชาวมาลี แกมเบีย เซเนกัล โซมาเลีย เอริเทรีย และบังกลาเทศอยู่ด้วย
ด้านสหภาพยุโรป (อียู) เปิดเผยแผนปฏิบัติการ 10 ข้อในการหยุดยั้งการหลั่งไหลของผู้อพยพข้ามทะเลเมดิเตอเรเนียนที่เห็นพ้องกันในการประชุมฉุกเฉินรัฐมนตรีมหาดไทยอียูที่ลักเซมเบิร์ก โดยให้สัญญาว่าจะเพิ่มความพยายาม การสนับสนุน รวมถึงทรัพยากรในปฏิบัติการไทรตันที่คอยตรวจตรา ดูแลเขตแดนของอียู เป็น 2 เท่า
โดยนางเฟรเดริกา โมเกรินี หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของอียูระบุว่า ไม่มีข้อแก้ตัวอีกต่อไป และอียูต้องรับผิดชอบเรื่องนี้เพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม
ขณะที่วันเดียวกัน นายเซอิด ราอัด อัลฮุสเซน ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนยูเอ็นประณามว่าเป็นเพราะนโยบายด้านการอพยพของอียูที่ “ใจดำ” ทำให้ทะเลเมดิเตอเรเนียนต้องกลายเป็นสุสานขนาดใหญ่