กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นบันทึกทางการทูต ต่อสถานทูตสหรัฐในกรุงพนมเปญในวันพุธ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อประท้วงการที่เอกอัครราชทูตสหรัฐ นายวิลเลียม ทอดด์ (William Todd) ได้วิจารณ์ร่างกฎหมายว่า ด้วยองค์กรพัฒนาภาคเอกชนที่ไม่สังกัดรัฐบาล โดยนายฮอร์นัมฮอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศกับความร่วมมือระหว่างประเทศระบุว่า นายทอดด์ได้แทรกแซงกิจการภายในของกัมพูชา และ ไม่เคารพอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ว่าด้วยการทูต ซึ่งเอกอัครราชทูตผู้แทนที่มีอำนาจเต็ม ที่ไปประจำในประเทศอื่นๆ จะต้องเคารพกฎหมายเจ้าของประเทศนั้นๆ
บันทึกประท้วงของนายฮอร์นัมฮอง ยังใช้ถ้อยครุนแรงหลายคำ เช่น ไร้มารยาท, ยะโสโอหัง เป็นต้น
หนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์ได้ตีพิมพ์ความเห็นของเอกอัครราชทูตสหรัฐ ในฉบับประจำวันที่ 19 พ.ค. โดยพาดหัวข่าวว่า All Eyes on NGO Law: Todd (สายตาทุกคู่กำลังจ้องดูกฎหมายเอ็นจีโอ) ซึ่งเป็นการเสนอข่าวจากการสัมภาษณ์ความเห็น
รัฐบาลกัมพูชาร่างกฎหมายขึ้นมาฉบับหนึ่ง ที่เรียกว่า “ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยสมาคมและองค์กรที่ไม่สังกัดรัฐบาล (Draft Law on Association and the Non-Governmental Organization)” และอยู่ในขั้นตอนที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาในรัฐสภา การดำเนินการเรื่องนี้ทำให้ รัฐบาลนายกรัฐมนตรีฮุนเซนถูกมองว่า กำลังหาทางสกัดบทบาทของเอ็นจีโอ ที่ได้รับการคุ้มครองโดยรัฐธรรมนูญของกัมพูชา ที่จัดร่างขึ้นมาเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว โดยการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติ
การจัดทำร่าง พรบ.ฉบับนี้ยังมีขึ้น หลังจากรัฐบาลกัมพูชาเกิดความขัดแย้งกับ เอ็นจีโอหลายกลุ่มและหลายครั้ง ซึ่งฮุนเซนเคยกล่าวว่า เอ็นจีโอแสดงอำนาจบาดใหญ่มากจนเกินไป ไม่เคารพกฎหมายของกัมพูชา และ ในหลายกรณีที่ผ่านมากัมพูชาเองจะไม่ต่อวีซ่าให้แก่เจ้าหน้าที่เอ็นจีโอที่มีปัญหากับรัฐบาล เมื่อวีซ่าของพวกเขาหมดอายุลง ซึ่งทำให้ไม่สามารถปฏิบัติงานในประเทศนี้ได้อีกต่อไป
ร่าง พรบ.ฉบับนี้จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์จากเอ็นจีโออย่างหนัก รวมทั้งจากองค์การสหประชาชาติด้วย ทำให้นายฮอร์นัมฮอง เรียกตัวแทนของ 4 หน่วยงานยูเอ็นที่ประจำกัมพูชา เข้าพบในวันพฤหัสบดีนี้ ..
เอกอัครราชทูตสหรัฐให้สัมภาษณ์พนมเปญโพสต์ เกี่ยวกับร่าง พรบ.เอ็นจีโอ ฉบับในพุธ โดยระบุว่า ..
– “เพื่อที่จะได้รับประโยชน์จากความสนใจนี้ กัมพูชาจะต้องแสดงภาพลักษณ์ที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ดึงดูดเทคโนโลยี และ ทรัพยากรมนุษย์”
– “ภาพลักษณ์ของกัมพูชาได้รับผลกระทบจากร่างกฎหมายเอ็นจีโอ” และ “ผมขอเข้าร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศเรียกร้องเพื่อให้มีการดำเนินการ” ในการผลักดันให้รัฐบาลกัมพูชา เผยแพร่ร่างกฎหมายว่าด้วยเอ็นจีโอ และ ให้มีการปรึกษาหารืออย่างจริงจัง”
– “ในขณะที่รัฐบาลกัมพูชากำลังจะดำเนินการในขั้นต่อไป เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องตระหนักว่าโลกกำลังเฝ้าจับตามองอยู่”
ตามรายงานของสำนักข่าวกัมพูชา ในวันพฤหัสบดีนี้กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาได้ตอบโต้เอกอัครราชทูตสหรัฐ ผ่านบันทึกทางการทูตดังนี้..
– ถ้อยคำที่ระบุโดยเอกอัครราชทูตของต่างประเทศประจำกัมพูชานั้น ช่างไร้มารยาทอย่างยิ่ง (extremely insolent) แม้ว่าเขาจะเป็นตัวแทนของประเทศใหญ่ประเทศหนึ่งก็ตาม
– กัมพูชาเป็นรัฐที่ปกครองโดยกฎหมาย ร่างกฎหมายอะไรก็ตาม หรือ การเสนอกฎหมายอะไร ก็จะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาในรัฐสภา เพื่อพิจารณาเห็นชอบ ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
– ประเทศสมาชิกองค์การสหประชาชาติทุกประเทศ จะใหญ่หรือเล็ก จะต้องเคารพกันและกัน อย่างมีลักษณะเท่าเทียม และ เคารพอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตปี ค.ศ.1961 (พ.ศ.2504) และ การปฏิบัติทางสากลเกี่ยวกับการเคารพกัน ในความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ
บันทึกประท้วงของกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ได้หยิบยกมาตรา 41.1 ของอนุสัญญากรุงเวียนนา ปี ค.ศ. 1961 ที่กำหนดให้ นักการทูตทุกคนใช้สิทธิพิเศษ รวมทั้งสิทธิคุ้มกัน โดยเคารพกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ของประเทศนั้นๆ และ เอกอัครราชทูตมีหน้าที่ ที่จะต้อง “ไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศนั้นๆ” ดังนั้นเอกอัครราชทูตสหรัฐควรจะเคารพในอนุสัญญาดังกล่าว ซึ่งสหรัฐได้ร่วมลงนามให้สัตยาบรรณเมื่อปี ค.ศ.1972
ในการประชุม พบปะกับผู้แทน 4 หน่วยงานขององค์การสหประชาชาติในกัมพูชาด้วยตนเอง วันพฤหัสบดีนี้ นายฮอร์นัมฮองก็ได้แจ้งให้ทุกคนต้องเคารพในกฎบัตรสหประชาชาติ ทั้งยืนยันว่า ร่าง พรบ.ว่าด้วยเอ็นจีโอของกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องสิทธิมนุษยชน เด็ก ผู้หญิง และ ประชากรของกัมพูชา และ ไม่ได้ร่างกฎหมายนี้ขึ้นมา เพื่อขัดขวางกิจกรรมของเอ็นจีโอ แต่กัมพูชาต้องการเห็นเอ็นจีโอดำเนินงานอย่างโปร่งใสในประเทศนี้ สำนักข่าวซินหวาของจีนรายงาน
ในการพูดคุยกับสื่อหลังการประชุมหารือ ฮอร์ นัมฮง กล่าวว่า เขาได้บอกต่อบรรดาผู้แทนหน่วยงานถึงการดำเนินกิจกรรมด้วยความเคารพต่อกฎบัตรสหประชาชาติ และคำสั่งเฉพาะของแต่ละบุคคล และตามกฎบัตรสหประชาชาติ ในข้อที่ 2 วรรคที่ 7 ระบุว่า ไม่มีความข้อใดที่มีอยู่ในกฎบัตรฉบับปัจจุบันที่จะให้อำนาจแก่สหประชาชาติเข้าแทรกแซงในกิจการที่โดยสาระสำคัญแล้วอยู่ในเขตอำนาจภายในของรัฐใดรัฐหนึ่ง
“ผมบอกกับพวกเขาว่า ด้วยความสามารถของพวกเขาในฐานะหน่วยงานของสหประชาชาติ พวกเขาต้องเคารพข้อที่ 2 ของกฎบัตรสหประชาชาติ” ฮอร์ นัมฮง กล่าว
รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชาผู้นี้ยังกล่าวว่า ร่างกฎหมายเอ็นจีโอไม่เกี่ยวข้องอะไรต่อสิทธิมนุษยชน เด็ก ประชากรกัมพูชา หรือผู้หญิง
“เราต้องการที่จะทราบว่าใครทำอะไรในเขตอธิปไตยประเทศนี้ เราต้องการความโปร่งใส และความเป็นระเบียบเรียบร้อย เมื่อเอ็นจีโอ ภาคประชาสังคม และสมาคมต่างๆ หลายพันแห่งปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขาอยู่ทั่วประเทศ” ฮอร์ นัมฮง กล่าว
นายกรัฐมนตรีฮุนเซน กล่าวเมื่อวันที่ 5 เม.ย. ว่า ร่างกฎหมายเอ็นจีโอจะกำหนดให้เอ็นจีโอลงทะเบียนสัญชาติของหน่วยงานต่อรัฐบาล เพื่อที่จะได้สิทธิในการดำเนินการทางกฎหมาย และเอ็นจีโอเหล่านั้นจะต้องยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับกิจกรรม และการเงินต่อรัฐบาลด้วย
“เราไม่ได้ร่างกฎหมายเพื่อขัดขวางกิจกรรมของเอ็นจีโอ แต่เราต้องการเห็นเอ็นจีโอดำเนินงานอย่างโปร่งใสในประเทศนี้” ฮอร์ นัมฮง กล่าว
กฎหมายฉบับนี้ยังมีเป้าหมายที่จะป้องกันการฟอกเงิน การสนับสนุนการเงินแก่กลุ่มก่อการร้าย และการตั้งกองกำลังอาวุธผิดกฎหมาย.