ฟิลิปปินส์รื้อฟื้นการเจรจากับกลุ่มนักรบกลุ่มใหญ่ที่สุดในประเทศเมื่อวันเสาร์ (13 สิงหาคม) นับเป็นความชัดเจนแรกในการเจรจาภายใต้ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยุติความรุนแรงนานหลายทศวรรษที่คร่าชีวิตผู้คนหลายหมื่นคน
คณะผู้แทนเจรจาของทั้งสองฝั่ง กล่าวว่า การเจรจาในช่วงสุดสัปดาห์นี้ในมาเลเซียจะหารือกันเกี่ยวกับรายละเอียดของโรดแมปสันติภาพของดูเตอร์เต
“พวกเขาจะหารือกันเรื่องโรดแมปดังกล่าว เพื่อทำให้บางประเด็นกระจ่างชัด แต่ขอผมเตือนทุกคนก่อนว่ามันไม่ใช่งานง่าย ๆ มันซับซ้อนอย่างมาก” เฆซุส ดูเรซา ที่ปรึกษาด้านกระบวนการสันติภาพของประธานาธิบดี บอกกับรอยเตอร์ในกรุงกัวลาลัมเปอร์โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
กลุ่มแนวหน้าปลดแอกอิสลามโมโร (MILF) ซึ่งมีกำลังคน 12,000 คน ต่อสู้เพื่อเรียกร้องเอกราชในภาคใต้ของฟิลิปปินส์ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1970 แต่สนธิสัญญาที่ถูกลงนามเมื่อปี 2014 ได้ก่อให้เกิดความหวังว่าจะมีสันติภาพที่ยั่งยืน
ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว กลุ่มนี้จะวางอาวุธลงก็ต่อเมื่อหลังจากที่มีการผ่านกฎหมายกำหนดพื้นที่ปกครองตนเองในมินดาเนา และรัฐบาลส่วนภูมิภาคได้รับเลือกตั้ง
การเลือกตั้งดังกล่าวถูกวางแผนให้มีขึ้นพร้อมกับการเลือกทั่วไปเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2016
อย่างไรก็ตาม การบุกจู่โจมพื้นที่ของกลุ่ม MILF อย่างผิดพลาดที่ทำให้ตำรวจคอมมานโดเสียชีวิต 44 ราย ในปี 2015 ได้ทำให้การผ่านกฎหมายดังกล่าวหยุดชะงักและทำให้กระบวนการสันติภาพหยุดชะงัก ขณะที่กลุ่มสมาชิกรัฐสภาฝ่ายขาจัดจำนวนมากคว่ำร่างกฎหมายดังกล่าวตั้งแต่สมัยรัฐบาลก่อนจนทำให้การเจรจาสันติภาพต้องพังลง
ดูเรซาอธิบายการรื้อฟื้นการเจรจาในมาเลเซียครั้งนี้ ซึ่งเป็นพูดคุยอย่างเป็นทางการระหว่างทั้งฝ่ายนับตั้งแต่ที่ดูเตอร์เตเข้ารับตำแหน่ง ว่า เป็น “หมุดหมายที่สำคัญสำหรับสันติภาพในมินดาเนา”
มูร็อด อิบรอฮิม หัวหน้ากลุ่ม MILF กล่าวว่า เขายินดีให้ นูร์ มิซัวรี เพื่อนกบฏมุสลิม ประธานของกลุ่มแนวหน้าปลดแอกแห่งชาติโมโร (MNLF) เข้าร่วมคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านเพื่อจัดตั้งแคว้นปกครองตนเอง “บังซาโมโร” ในภาคใต้
อิบรอฮิม กล่าวว่า “หากกระบวนการสันติภาพประสบความสำเร็จ พวกเขา (ISIL) จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน”
กลุ่มแนวร่วมมุสลิมถูกกดดันจนต้องจับอาวุธขึ้นต่อสู้เพื่อเรียกร้องเอกราชมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1970 ซึ่งเป็นบ้านของบรรพบุรุษ และความขัดแย้งนี้คร่าชีวิตคนไปแล้วกว่า 100,000 ราย