นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนี ออกมาปกป้องผู้ลี้ภัยว่าไม่ได้เป็นตัวการนำ “ลัทธิก่อการร้าย” เข้าสู่เยอรมนี และศาสนาอิสลามก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคมเยอรมนี หากชาวมุสลิมยังปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ อยู่ภายในกรอบของรัฐธรรมนูญ
ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา มีผู้ลี้ภัยจากตะวันออกกลาง แอฟริกา และภูมิภาคอื่นๆ กว่า 1 ล้านคน หนีสงครามและความอดอยากเข้าไปตั้งหลักปักฐานในเยอรมนี แต่ถูกกลุ่มนีโอนาซีที่เคลื่อนไหวต่อต้านอิสลาม พยายามสร้างกระแสให้เกิดความหวาดระแวงแก่คนท้องถิ่นขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีเหตุโจมตีพลเรือนเกิดขึ้นติดๆ กันถึง 3 ครั้งในเดือนที่แล้ว และเป็นฝีมือของผู้อพยพต่างชาติ
เหตุโจมตี 2 ใน 3 ครั้งดังกล่าวถูกอ้างความรับผิดชอบโดยกลุ่ม ISIL
“การก่อการร้ายโดย ISIL ไม่ใช่สิ่งที่มาพร้อมกับผู้ลี้ภัย” แมร์เคิล กล่าวระหว่างหาเสียงช่วยผู้สมัครจากพรรค CDU ของตนที่รัฐเมคเลนบูร์ก-ฟอร์พอมเมิร์น (Mecklenburg-Vorpommern) ซึ่งจะมีการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นในวันที่ 4 กันยายน
ผู้นำหญิงระบุว่า มีคนมากมายที่เดินทางจากเยอรมนีไปยังซีเรียเพื่อฝึกฝนร่วมกับ ISIL และเมื่อเดือน มิถุนายน รัฐมนตรีมหาดไทย โทมัส เดอ ไมเซียร์ ก็ออกมาให้ข้อมูลว่า มีชาวเยอรมันเดินทางไปซีเรียและอิรักมากกว่า 800 คน
“เราวิตกกังวลกับพฤติกรรมของคนกลุ่มนี้มานานหลายปีแล้ว” เธอกล่าวที่เมืองนอยสเตรลิตซ์ (Neustrelitz) ซึ่งห่างจากกรุงเบอร์ลินไปทางเหนือราว 100 กิโลเมตร
เหตุโจมตีฝีมือผู้อพยพส่งผลให้คะแนนนิยมของ แมร์เคิล ตกต่ำลงพอสมควร ขณะที่ผลสำรวจซึ่งเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ก่อนพบว่า ชาวเยอรมันร้อยละ 52 ไม่เห็นด้วยกับนโยบายเปิดพรมแดนของเธอ อันเป็นผลมาจากความพยายามปลุกปั่นของกลุ่มแนวร่วมนีโอนาซีภายใต้ชื่อ เพอกิด้า ที่เคลื่อนไหวต่อต้านอิสลามในยุโรป โดยมีเยอรมนีเป็นฐานในการเคลื่อนไหว และเมื่อเริ่มได้เสียงสนับสนุนมากขึ้นกลุ่มดังกล่าวจึงผันตัวสู่สนามการเมืองภายใต้พรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี (AfD) ซึ่งชูนโยบายต้านผู้อพยพ และคาดว่าพรรคคงจะทำผลงานได้ดีเป็นประวัติการณ์ในศึกเลือกตั้งท้องถิ่น ทั้งที่รัฐเมคเลนบูร์ก-ฟอร์พอมเมิร์น และกรุงเบอร์ลิน
“รัฐบาลเคยชี้แจงไว้ชัดเจนแล้วว่า ศาสนาอิสลามที่ดำรงอยู่ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ… ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมเยอรมนี” แมร์เคิล กล่าว พร้อมกับเสริมว่า ผู้ใดที่ยึดหลักอิสลามแบบไม่เคารพรัฐธรรมนูญ และไม่เคารพสิทธิอันเท่าเทียมของสตรี ก็ย่อมไม่มีที่ยืนในสังคมเยอรมนี
