เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม ก่อนหน้าการโต้คารมสดหรือดีเบตของคู่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งที่ 2 พฤติกรรมของ โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนของพรรคทำให้พรรครีพับลิกันปั่นป่วนหนักอีกครั้ง เมื่อมีการนำเอาคลิปวิดีโอและเทปเสียงคำกล่าวของทรัมป์ในหลายวาระในช่วงกว่า 10 ปีที่ผ่านมาออกมาเผยแพร่ เนื้อหาของคำพูดไม่เพียงหยาบโลนยังเป็นการดูถูกและจาบจ้วงสตรีเพศอย่างรุนแรง ไม่เว้นแม้แต่ลูกสาวของตัวเอง คำพูดที่ถูกนำมาเปิดเผยครั้งนี้เป็นคำพูดของทรัมป์กล่าวกับ โฮเวิร์ด สเติร์น นักจัดรายการวิทยุชื่อดัง มีตั้งแต่การถกกันถึงขนาดหน้าอกของเอวิกา ลูกสาวของทรัมป์, การร่วมเพศกับสตรีระหว่างมีประจำเดือน, การร่วมเพศกับผู้หญิง 2 รายในคราวเดียวกัน และพูดถึงผู้หญิงรายหนึ่งว่าเคยลอง(หว่านเสน่ห์)และได้(มีเพศสัมพันธ์)ด้วย ทั้งๆที่ผู้หญิงรายนั้นแต่งงานแล้ว “ผมแค่จูบ เป็นดาราซะอย่างพวกนั้นก็ยอมหมดแหละ” และ “แค่คว้า(อวัยวะเพศ)เธอ คุณก็ทำทุกอย่างได้แล้ว”
คลิปเสียงและวิดีโอดังกล่าวก่อให้เกิดปฏิกิริยาในทางลบอย่างกว้างขวางในทันทีและลุกลามไปอย่างรวดเร็ว บรรดานักการเมืองพรรครีพับลิกันทั้งที่อยู่ในตำแหน่งและอดีตสมาชิกที่มีชื่อเสียงของพรรคมากกว่า 60 คนออกแถลงการณ์ประนามพฤติกรรมดังกล่าวและประกาศเลิกสนับสนุน รวมทั้งพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรและจอห์น แมคเคนอดีตตัวแทนพรรคในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีและถือเป็นผู้นำอาวุโสของพรรค ทั้งนี้ ราว 20 คนในจำนวนนี้ออกมาเรียกร้องให้ทรัมป์ลาออกจากการเป็นตัวแทนพรรค ปล่อยให้นายไมค์ เพนซ์ ผู้ว่าการรัฐอินเดียนาทำหน้าที่ลงชิงประธานาธิบดีแทน และบรรดาแกนนำพรรคหารือเร่งด่วนกันเป็นกรณีพิเศษอีกครั้งหาแนวทางที่จะโละทรัมป์ออกจากการเป็นตัวแทนพรรค
นางเมลาเนีย ภรรยาของทรัมป์ระบุว่ารับไม่ได้กับคำกล่าวเหล่านั้น แต่ยืนยันว่านั่นไม่ใช่ทรัมป์ที่ตนรู้จัก และหวังว่าทุกคนคงจะให้อภัยเหมือนกับที่ตนให้อภัยทรัมป์ได้ ขณะที่ไมค์ เพนซ์ ผู้สมัครในตำแหน่งรองประธานาธิบดีคู่กับทรัมป์ ยอมรับว่ารู้สึกโกรธและถูกละเมิดจากคำกล่าวของทรัมป์ในฐานะที่เป็นทั้งสามีและเป็นพ่อ ย้ำด้วยว่าไม่สามารถแก้ต่างแทนทรัมป์ได้แต่ยังคงแสดงท่าทีสนับสนุนทรัมป์ในการเลือกตั้งต่อไป ในขณะที่ผู้มีชื่อเสียงของรีพับลิกันหลายคน อาทิ นายแมคเคน, นางคอนโดลีซซา ไรซ์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ยืนยันเลิกสนับสนุนและชี้ว่าทรัมป์ไม่สามารถเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาได้
การเปิดโปงครั้งนี้มีขึ้นเพียงราวเดือนเศษก่อนหน้าการเลือกตั้งและเพียงไม่กี่วันก่อนหน้าที่จะมีการโต้คารมสดกันรอบที่ 2 กับนางฮิลลารี คลินตันตัวแทนพรรคเดโมแครต ทำให้ทรัมป์ต้องรีบออกแถลงการณ์แก้ตัวและขอโทษในทันที โดยอ้างว่าตนเปลี่ยนไปจากตอนที่กล่าวคำพูดดังกล่าวมากแล้วและอ้างด้วยว่าอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตันก็ทำอย่างเดียวกันกับผู้หญิงหลายคนและนางคลินตันก็ตามรังควานคนเหล่านั้น นอกจากนั้นยังเรียกประชุมทีมที่ปรึกษาอาวุโสที่ทรัมป์ทาวเวอร์ทันที ในขณะที่นางคลินตันให้ความเห็นสั้นๆเพียงแค่ว่า คำกล่าวของทรัมป์ “ชวนขนหัวลุก” และโดยคาดว่าจะแสดงความเห็นในกรณีนี้โดยละเอียดในการดีเบตรอบใหม่