สหราชอาณาจักรกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่(14 ตุลาคม)ผ่านมาว่ามีแผนจะเสนอร่างมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเรียกร้องให้มีการยุติการสู้รบในเยเมนทันที และการเจรจาสันติภาพรอบใหม่ต้องเริ่มขึ้น หลังความพยายามผ่านมติประณามซาอุดิอาระเบียล้มเหลวก่อนหน้านี้
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 15 ชาติ ได้ล้มเหลวในการผ่านร่างแถลงการณ์ประณามซาอุดิอาระเบียกรณีที่กลุ่มชีอะห์ฮูธีย์ระบุซาอุดิอาระเบียทิ้งระเบิดโจมตีงานศพในกรุงซานาเมื่อวันที่ 8 ตุลาคา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 140 คน โดยรัสเซียได้ใช้สิทธิ์วีโต โดยระบุว่ายังคลุมเครือเกินไป
“น่าเศร้าต่อการตายของชาวเยเมน” Matthew Rycroft ทูตสหราชอาณาจักรประจำสหประชาชาติบอกกับผู้สื่อข่าว
“เราได้ตัดสินใจที่จะหยิบยกร่างมติคณะมนตรีความมั่นคงในเยเมนเรียกร้องให้มีการหยุดยิงทันที และการเจรจาต้องเริ่มต้นใหม่ของกระบวนการทางการเมือง” เขากล่าวว่า “เราจะมีการพบปะชาติสหมาชิกเมื่อหารือ”
ซาอุดิอาระเบียได้นำพันธมิตรชาติอิสลามในการต่อสู้ขับไล่กลุ่มกบฎชีอะห์ฮูธีย์ในเยเมนที่มีอิหร่านให้การหนุนหลังตั้งแต่เดือนมีนาคม 2015 เพื่อปลดปล่อยดินแดนเยเมนให้กลับคืนสู้การบริหารประเทศของชาวเยเมน หลังจากเมืองหลวงถูกกบฎชีอะห์เข้ายึดครอง
การต่อสู้ในเยเมนได้ทวีความรุนแรงนับตั้งแต่การเจรจาสันติภาพที่สหประชาชาติเป็นตัวกลางในคูเวตพังลงเมื่อเดือนสิงหาคม หลังจากกลุ่มกบฎชีอะห์ฮูธีย์ไม่ยอมรับข้อตกลงสันติภาพที่ให้กลุ่มกบฎต้องถอนตัวออกจากเมืองหลวง วางอาวุธ แล้วให้กระบวนการทางการเมืองเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศต่อ
ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นอีกหลังจากการโจมตีทางอากาศที่กลุ่มกบฎชีอะห์ฮูธีย์กล่าวหาว่าซาอุดิอาระเบียทิ้งระเบิดใส่ห้องโถงที่ใช้เป็นที่จัดงานศพชั่วคราว โดยไม่ยอมนำศพของบิดารัฐมนตรีคนสำคัญของรัฐบาลกลุ่มกบฎไปจัดพิธีที่มัสยิด หรือลานโล่งเหมือนศพทั่วไป จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 140 คน ขณะที่หลังจากนั้นในวันถัดมา กลุ่มกบฎชีอะห์ฮูธีย์ได้ยิงขีปนาวุธมุ่งเป้าโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเมืองตออีฟ ของซาอุดิอาระเบีย โดยขีปนาวุธถูกยิงสกัดได้กลางอากาศห่างจากมหานครมักกะห์เพียง 40 กิโลเมตรเท่านั้น
นอกจากนี้อิหร่านยังได้ส่งเรือรบ 2 ลำเข้าน่านน้ำเอเดน หลังจากเรือรบสหรัฐตอบโต้การโจมตีของกลุ่มกบฎชีอะห์ฮูธีย์ด้วยการโจมตีทำลายฐานเรดาห์ของกลุ่มกบฎในเยเมน ขณะที่กองกำลังพันธมิตรอาหรับจับชาวอิหร่านได้ 40 คนในทะเลเอเดน ขณะพยายามลักลอบขนอาวุธ และนักรบรับจ้างชาวแอฟริกาส่งให้กับกลุ่มกบฎชีอะห์ในเยเมนด้วย
