องค์กรนิรโทษกรรมสากลได้ยืนยัน “รายงานที่น่าเชื่อถือ” ระบุว่าอาวุธเคมีร้ายแรงอย่างฟอสฟอรัสขาวถูกนำมาใช้ในการโจมตีเมืองโมซุลโดยหยิบยกการต่อสู้กับดาอิชมาเป็นข้ออ้าง เพื่อความเสียงต่อการเสียชีวิต และบาดเจ็บของพลเรือนชาวอิรักมากยิ่งขึ้น
เครือข่ายเฝ้าระวังตะวันออกกลางรายงานว่า องค์การนิรโทษกรรมรายงานข้อเท็จจริงโดยยืนยันด้วยภาพถ่ายของช่างภาพจาก New York Times ที่เผยให้เห็นว่ามีการใช้อาวุธเคมีร้ายแรงอย่างฟอสฟอรัสขาวโจมตีพื้นที่ Assyrian Christian ของเมือง Karemlesh ไม่ไกลจากเมืองโมซุล
ชาวบ้าน และผู้อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงของโมซุลยังยืนยันว่ามีการใช้ฟอสฟอรัสขาว อาวุธเคมีร้ายแรง ที่จะทำให้เกิดไฟลุกไหม้กับวัสดุที่มันกระทบ ไม่ว่าจะเป็นไม้ อาคาร หรือแม้แต่ผิวหนัง ร่างกายของพลเรือน
แม้ว่าองค์การนิรโทษกรรมไม่มีข้อมูลว่าใครเป็นผู้นำไปใช้ แต่ลักษณะการแตกกระจายของอาวุธคล้ายกับการแตกกระจายของขีปนาวุธแบบ M825A1 ขนาด 155 มิลลิเมตร ที่ผลิตโดยสหรัฐอเมริกา
ตามที่องค์การสิทธิมนุษยชนระบุว่าขีปนาวุธรุ่นดังกล่าวจะแตกตัวของระเบิดฟอสฟอรัสขาวในอากาศออกเป็น 116 ชิ้น กระจายครอบคลุมพื้นที่กว้างถึง 250 เมตร
ซึ่งหมายความว่าผู้ที่นำมาใช้ต้องมีความเชื่อมโยงกับสหรัฐอเมริกา หรือกลุ่มที่ได้รับมอบอาวุธจากสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังของรัฐบาลอิรัก หรือกองกำลัง Peshmerga ของชาวเคิร์ด
The Times รายงานว่า ยังไม่มีรายงานการตอบสนองจากรัฐบาลชาติต่างๆ กลังพบข้อมูลการนำอาวุธเคมีร้ายแรงมาโจมตีเมืองโมซุล
การใช้ฟอสฟอรัสขาวเป็นการดำเนินการเพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวของศัตรูภายใต้กฎการทำสงครามระหว่างประเทศ แต่การใช้ต้องอยู่บนพื้นฐานของความระมัดระวัง และห้ามใช้ในพื้นที่พลเรือน หรือมีพลเรือนเป็นเป้าหมายในการโจมตี
อาวุธเคมีร้ายแรงฟอสฟอรัสขาวเคยถูกนำมาใช้หลายครั้งในการโจมตีที่มีเป้าหมยพลเรือนอาทิเช่น
อิสราเอลใช้ในการโจมตีดินแดนฉนวนกาซาของชาวปาเลสไตน์ในการต่อสู้เมื่อปี 2008-2009 โดยหนึ่งในเป้าหมายการโจมตีคือโรงเรียนภายใต้การดูแลของสหประชาชาติ
สหรัฐอเมริกานำมาใช้ในการโจมตีเมืองฟัลลูญะห์ในปี 2004 จนเกิดภาพที่น่าตกตะลึงเมื่อพบซากไหม้เกรียมของพลเรือนชาวอิรักหลังถูกโจมตีด้วยอาวุธดังกล่าว
ซีเรีย มีการใช้อาวุธเคมีรุนแรงดังกล่าวหลายครั้งในการโจมตีเป้าหมายพลเรือนนับตั้งแต่เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นในปี 2011